มุมมองการลงทุนตลาดหุ้น

ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงอยู่ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง การเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจ นโยบายทางการเงิน และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดในระยะยาว สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะมีแรงกดดันต่อเนื่องจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม
ตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาเผชิญกับปัจจัยลบหลายประการที่ส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว ความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ต่ำกว่าคาดการณ์ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของกองทุนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น LTF ที่ถูกแทนที่ด้วย Thai ESGX ได้ส่งผลต่อโครงสร้างเม็ดเงินลงทุนในตลาด หุ้นบางส่วนที่เคยได้รับแรงหนุนจากเม็ดเงินของกองทุน LTF อาจเผชิญกับแรงขายจากนักลงทุนที่ต้องการโยกย้ายสินทรัพย์ไปยังทางเลือกที่มีเสถียรภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้ว่าภาพรวมตลาดจะมีแรงกดดัน นักลงทุนบางกลุ่มยังคงมองว่าเป็นโอกาสในการทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี เนื่องจากระดับราคาหุ้นในปัจจุบันเริ่มสะท้อนความเสี่ยงไปบางส่วนแล้ว
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะยังคงมีความผันผวน แต่หากพิจารณาแนวทางการลงทุนระยะยาว การเลือกสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตที่มั่นคงยังคงเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ซึ่งเราก็เชื่อว่ายังสามารถหาหุ้นลักษณะนี้ได้อีกมาก โดยอาจพิจารณาจากอัตราเงินปันผล เนื่องจากหุ้นที่สามารถจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอในอดีต ย่อมเป็นสัญญาณถึงความมั่นคงทางการเงินของบริษัทและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการลงทุนระยะยาว ซึ่งถ้าพิจารณาจะเห็นว่า ในระยะยาวก็ยังคงมีปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อตลาดที่ภาครัฐกำลังช่วยผลักดัน ทั้งการแก้ปัญหาเรื้อรังอย่างหนี้ครัวเรือน การดึงเงินลงทุนจากต่างชาติเพื่อช่วยสนับสนุนการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม หากต้องการผลตอบแทนจากราคาหุ้น นักลงทุนต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของตลาด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านธรรมาภิบาลที่เป็นปัจจัยหลักกดดันตลาดหุ้นไทย ดังนั้น หากสามารถฟื้นความเชื่อมั่นในแง่นี้กลับมาได้ ก็น่าจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสเติบโตในระยะยาว แต่ในภาวะปัจจุบัน ปัจจัยด้านธรรมาภิบาลและความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่อาจทำให้การฟื้นตัวเป็นไปได้ยาก ทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตา ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อที่อาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ และการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติที่อาจผันผวนตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยโลก
ด้านตลาดต่างประเทศ สถานการณ์โดยรวมยังคงมีความผันผวนสูงโดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเผชิญแรงขายจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ รวมถึงความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ตรงกันข้ามกับตลาดหุ้นจีนที่เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีน
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตาความเสี่ยงจากข้อพิพาททางการค้ากับสหรัฐฯ ส่วนตลาดหุ้นยุโรปเอง ยังคงเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและแรงกดดันจากนโยบายภาษีและกฎระเบียบต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ภูมิภาคยุโรปเป็นภูมิภาคที่เราน่าจะเห็นมาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจนกว่าภูมิภาคอื่น
โดยสรุป ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงอยู่ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง การเปลี่ยนแปลงของสภาวะเศรษฐกิจ นโยบายทางการเงิน และปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดในระยะยาว สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะมีแรงกดดันต่อเนื่องจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ แต่ก็ยังมีโอกาสสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสะสมหุ้นพื้นฐานดีในราคาที่เหมาะสม
ด้านตลาดหุ้นต่างประเทศ นักลงทุนควรติดตามปัจจัยเศรษฐกิจและแนวโน้มของนโยบายการเงินอย่างใกล้ชิด รวมถึงพิจารณาความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดในอนาคต การกระจายความเสี่ยงและการวางแผนลงทุนอย่างรอบคอบจึงเป็นสิ่งสำคัญในช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวน