หุ้นวอลล์สตรีทร่วงลงหนัก ตลาดกังวลเงินเฟ้อ สงครามการค้า

หุ้นวอลล์สตรีทถูกเทขายอย่างหนักในวันศุกร์ ได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่เลวร้ายยิ่งขึ้น
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะ ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท วันศุกร์ (28 มี.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดตลาดร่วงลงแรง 715.80 จุด หรือ 1.69% ที่ 41,583.90 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดร่วงลง 1.97% ที่ 5,580.94 จุด ซึ่งเป็นการปิดสัปดาห์ที่ลดลงเป็นครั้งที่ห้าในช่วงหกสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนี Nasdaq Composite ปิดตลาดดิ่งลง 2.7% ที่ 17,322.99 จุด
ตลาด หุ้นวอลล์สตรีท ถูกเทขายอย่างหนักในวันศุกร์ โดยได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับนโยบายการค้าของสหรัฐฯ รวมถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่เลวร้ายยิ่งขึ้น
ราคาหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งร่วงลง ส่งผลให้ตลาดโดยรวมได้รับแรงกดดัน
โดย หุ้น Alphabet บริษัทแม่ของ Google ปิดตลาดลดลง 4.9% ขณะที่ Meta และ Amazon ปิดตลาดลดลง 4.3%
ในสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลง 1.53% ในขณะที่ดัชนี Dow ซึ่งมีหุ้น 30 ตัว ปิดตลาดลดลง 0.96% ดัชนี Nasdaq ร่วงลง 2.59% จากสัปดาห์ล่าสุดที่ร่วงลง ทำให้ดัชนี Nasdaq มีแนวโน้มร่วงลงมากกว่า 8% ในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นผลงานรายเดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2022
ดัชนีหุ้นร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากที่มหาวิทยาลัยมิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมีนาคม ซึ่งสะท้อนถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อระยะยาวสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1993
ในวันเดียวกัน ข้อมูลใหม่ล่าสุดจากสำนักวิเคราะห์เศรษฐกิจกระทรวงพาณิชย์สหรัฐชี้ว่า ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) สูงเกินคาด โดยรายปีเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ และเพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนก่อน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ต่อเนื่อง นักเศรษฐศาสตร์ที่สำรวจโดย Dow Jones คาดการณ์ว่าตัวเลขจะอยู่ที่ 2.7% และ 0.3% ตามลำดับ การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนนี้ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 0.5%
“ตลาดกำลังถูกกดดันจากทั้งสองด้าน มีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ในสัปดาห์หน้าที่จะกระทบต่อภาคการส่งออกหลัก เช่น เทคโนโลยี รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับผู้บริโภคที่อ่อนแอลงเมื่อต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นที่กระทบต่อภาคส่วนต่างๆ เช่น สินค้าฟุ่มเฟือย” สก็อตต์ เฮลฟ์สเตน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Global X กล่าว
อย่างไรก็ตาม เฮลฟ์สเตนกล่าวเสริมว่าข่าวเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการใช้จ่ายของผู้บริโภค “ไม่ได้แย่ขนาดนั้น” และอาจเป็นเพียงการสะดุดชั่วคราว เนื่องจากนักลงทุนพยายามทำความเข้าใจนโยบายใหม่ของรัฐบาลทรัมป์
“แม้ว่าวันนี้จะมีการเทขายและตลาดมีความผันผวนมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีเงินไหลเข้าตลาดเงินจำนวนมาก ดูเหมือนว่านักลงทุนจำนวนมากกำลังพยายามฝ่าฟันสถานการณ์นี้” เขากล่าว
รายงานเงินเฟ้อล่าสุดออกมาท่ามกลางการประกาศภาษีศุลกากรจำนวนมากจากทำเนียบขาว ซึ่งทำให้ตลาดปั่นป่วนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนกำลังรอคอยวันที่ 2 เมษายน ซึ่งคาดว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะประกาศแผนภาษีศุลกากรเพิ่มเติม เพื่อให้มีความชัดเจนมากขึ้น
ในวันศุกร์เดียวกัน นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ของแคนาดาได้แจ้งต่อทรัมป์ว่า รัฐบาลแคนาดาจะจัดเก็บภาษีตอบโต้หลังจากการประกาศเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าสหภาพยุโรปกำลังพิจารณาข้อเสนอที่จะยอมอ่อนข้อให้กับรัฐบาลของทรัมป์เพื่อลดการจัดเก็บภาษีตอบโต้จากสหรัฐฯ
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ทรัมป์ได้ประกาศจัดเก็บภาษี 25% กับ “รถยนต์ทุกรุ่นที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ” ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวส่งผลกระทบต่อหุ้นรถยนต์ และทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ