เปิดโผ 7 กลุ่มหุ้น รับแรงกระแทก แผ่นดินไหว โบรก คาดแนวรับ 1,150-1,135 จุด

บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) เปิดโผ 7 กลุ่มหุ้น รับแรงกระแทกแผ่นดินไหว กลุ่มอสังหา ธนาคารพาณิชย์ ประกันภัย รับเหมาก่อสร้าง ขนส่งมวลชน ท่องเที่ยว และเครื่องดื่ม โบรก คาดแนวรับ 1,150-1,135 จุด ด้านที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาล และอสังหา Low rise หรือ กลุ่มบ้านเดี่ยว
กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 8.2 ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมา เมื่อเวลา 13.20 น.ของวันที่ 28 มี.ค. 2025 ได้ส่งแรงสะเทือนถึงประเทศไทยหลายพื้นที่ รวมถึงความเสียหายรุนแรงเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประเมินความเสียหายจากการชะลอการจับจ่ายของผู้บริโภค รวมถึงมูลค่าความเสียหายต่างๆ เช่น ตึก อาคาร คาดว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งหลังจากไม่มีเหตุการณ์อาฟเตอร์ช็อกเพิ่มเติม คาดว่าความเสียหายจะอยู่ในกรอบดังกล่าว
ทั้งนี้ เรามองว่าตัวเลขความเสียหายอาจสูงกว่าตัวเลขดังกล่าว นอกเหนือจาก การจับจ่ายใช้สอย โดยมีมุมมองเชิงลบต่อการท่องเที่ยว โดยเฉพาะในช่วงสงกรานต์, pre-sales ของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ (high-rise) ดังนั้นเราประเมินความเสียหายต่อเศรษฐกิจในกรณีเลวร้ายที่ราวๆ 2 หมื่นล้านบาท หรือ 0.1% ต่อ GDP
ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย หากประเมินและอ้างอิงจากเหตุการณ์สึนามิช่วงเดือน ธ.ค. 2004 SET Index ปรับลดลงราว 2%
ทั้งนี้ ณ ระดับ SET Index ที่ 1,175 จุด ก่อนตลาดขึ้น (H) หากดัชนีปรับตัวลดลง 2% เรามองแนวรับแรกของ SET Index ที่ 1,150 จุด และ แนวรับต่อมาที่บริเวณ 1,135 จุด
โดยมีมุมมองเชิงลบต่อ
1.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ High-rise หรือ กลุ่มคอนโด จาก ทั้งยอด pre-sales ในระยะสั้น, ความเชื่อมั่นต่อกลุ่มโดยภาพรวม โดย เรามองว่า ORI ANAN LPN จะได้รับผลกระทบสูงสุดจากสัดส่วน condo ที่สูง
2.กลุ่มธนาคารพาณิชย์ โดยเฉพาะกลุ่มแบงค์ใหญ่ (SCB KBANK BBL KTB) จาก แรงกดดันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยอาจลดดอกเบี้ยนโยบายในอนาคตเพิ่มเติม, สินเชื่อ consumer loans และ housing loans และ ความเสี่ยงจาก ITD
3.กลุ่มประกันภัย จาก ภาระการจ่ายเคลมของตึก สตง. วงเงินคุ้มครอง 2.2 พันล้านบาท ได้แก่ TIPH (40%), BKIH (25%)
4.กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง จาก การก่อสร้างที่ชะลอลงชั่วคราวจากการตรวจสอบและความปลอดภัย รวมถึง ITD หลังเป็นโครงการก่อสร้างร่วมทุนตึกถล่มดังกล่าว
5.กลุ่มขนส่งมวลชน จาก Traffic ที่อาจลดลงหรือชะลอในระยะสั้น จากการขอความร่วมมือในการ work-from-home และ การปิดทำการครึ่งวันในวันที่ 28 มี.ค. 2568 (BEM BTS)
6.กลุ่มท่องเที่ยว จาก ความกังวลด้านความปลอดภัยทั้งการยกเลิกอีเวนท์หรือการจองห้องพักในระยะสั้น (ERW CENTEL)
7.กลุ่มเครื่องดื่ม จาก ยอดขายในพม่าที่อาจจะโดนกระทบ โดยเฉพาะ CBG
ส่วน มุมมองเชิงบวกต่อ
1.กลุ่ม Home improvement จาก อุปสงค์การซ่อมแซมบ้าน และ อุปสงค์ใหม่สำหรับการซื้อบ้านเดี่ยวมือหนึ่งรวมถึงมือสองที่มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ MegaHome ของ HMPRO และ ไทวัสดุ ของ CRC
2.กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ Low rise หรือ กลุ่มบ้านเดี่ยว จากความกังวลเหตุการณ์แผ่นดินไหว และ มาตรการผ่อนคลาย LTV ในช่วงที่ผ่านมา มีผลตั้งแต่ 1 พ.ค.2568
3.กลุ่มโรงพยาบาล จากความเสียหายและการบาดเจ็บจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว เคส OPD