ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (2 เม.ย.) บวก 4.67 จุด ผันผวน รอความชัดเจนภาษีทรัมป์

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (2 เม.ย.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,172.69 จุด เพิ่มขึ้น 4.67 จุด หรือ 0.40% "นักวิเคราะห์" ชี้ ดัชนีฯ ฟื้นตัวหลังนักลงทุนกังวลภาษีทรัมป์น้อยลง คาดพรุ่งนี้แกว่งทดสอบแนวรับอยู่ที่ 1,166.59 จุด ส่วนแนวต้านอยู่ที่ 1,176.84 จุด
"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (2 เม.ย.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,172.69 จุด เพิ่มขึ้น 4.67 จุด หรือ 0.40% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,176.84 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,166.59 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 24,927.22 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- KBANK ราคาปิด 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.31% มูลค่าซื้อขาย 1,303.72 ล้านบาท
- CPALL ราคาปิด 50.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.50% มูลค่าซื้อขาย 1,126.91 ล้านบาท
- PTT ราคาปิด 32.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.78% มูลค่าซื้อขาย 1,052.16 ล้านบาท
- ADVANC ราคาปิด 277.00 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 1.42% มูลค่าซื้อขาย 971.62 ล้านบาท
- PTTEP ราคาปิด 118.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 2.48% มูลค่าซื้อขาย 960.83 ล้านบาท
หุ้นไทยฟื้นตัวท่ามกลางการจับตา 'ภาษีทรัมป์'
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ ให้สัมภาษณ์กรุงเทพธุรกิจว่า หุ้นไทยอยู่ในช่วงแกว่งตัวเพื่อรอความชัดเจนของนโยบายใหม่ โดยเฉพาะประเด็นการขึ้นภาษีนำเข้าที่จะประกาศในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งตรงกับช่วงตี 3 วันที่ 3 เม.ย. ของประเทศไทย แม้จะมีความกังวลเรื่องนโยบายของทรัมป์ในระยะแรก แต่มีสัญญาณว่าจะมีการประนีประนอมมากขึ้น
นอกจากนี้ หุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันระยะสั้นจากประเด็น "แผ่นดินไหวในภูมิภาค" อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มมีการปรับตัวและซึมซับข่าวเหล่านี้ไปบ้างแล้ว
แนวโน้มระยะสั้นและแนวรับแนวต้าน
นายวิจิตรให้มุมมองเรื่องแนวรับแนวต้านของดัชนีในระยะสั้นว่า:
- แนวรับอยู่ที่ 1,160 จุด
- แนวต้านอยู่ที่ 1,180-1,200 จุด
"ด้านล่างผมประเมินแนวรับที่ 1,160 จุด เนื่องจากสัญญาณเทคนิคเกิดภาวะไดเวอร์เจนท์ คือดัชนีทำจุดต่ำใหม่ที่ 1,157 จุด แต่อินดิเคเตอร์ไม่ได้ทำจุดต่ำสุดใหม่ เป็นสัญญาณขัดแย้งที่บ่งชี้โอกาสเกิดแรงซื้อกลับในระยะสั้น" นายวิจิตรวิเคราะห์
ด้านคำแนะนำการลงทุน นายวิจิตรแนะนำให้นักลงทุนพิจารณากลุ่มหุ้นที่ได้ประโยชน์จาก "แนวโน้มดอกเบี้ยขาลง" โดยเฉพาะกลุ่มการเงิน ซึ่งวันนี้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น 2-3% ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก แนวโน้มดอกเบี้ยขาลงยังอยู่ในทิศทางเดิม แม้จะมีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อจากนโยบายของทรัมป์, เศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่ค่อยแข็งแกร่ง โดยภาคการผลิตยังหดตัว และภาครัฐไทยพยายามแก้ไขปัญหาหนี้ ซึ่งจะช่วยลดระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)
หุ้นรายตัวที่น่าสนใจ
สำหรับคำแนะนำในการลงทุนเขามองว่ามีสองกลุ่มคือ กลุ่มการเงิน ได้แก่ MTC และ JMT รวมไปถึง กลุ่มสื่อและความบันเทิงอย่าง MONO ที่ได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า ร่วมกับ JASS