ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่ง 1,000 จุด ผวาภาษีทรัมป์จุดชนวนสงครามการค้า

ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่ง 1,000 จุด ผวาภาษีทรัมป์จุดชนวนสงครามการค้า

ตลาดหุ้นสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนัก หลังประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าขั้นต่ำ 10% ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้า

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะ หุ้นวอลล์สตรีท วันพุธ (2 เม.ย.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมา ตามเวลาไทยว่า หุ้นฟิวเจอร์ส ของสหรัฐ ร่วงลงอย่างหนัก เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า อย่างน้อย 10% และสูงกว่านั้นสำหรับบางประเทศ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดสงครามการค้าโลกที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ที่กำลังชะลอตัวอยู่แล้ว

หุ้นฟิวเจอร์สที่เชื่อมโยงกับ ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลงแรง 1,069 จุด หรือ 2.5%  ดัชนีS&P 500 futures ร่วงลง 3.6% และ ดัชนีNasdaq-100 futures ดิ่งลงลึกสุด 4.5%

ราคาหุ้นของบริษัทข้ามชาติร่วงลงในการซื้อขายนอกเวลาทำการปกติของตลาด โดย หุ้นNike และ หุ้นApple ร่วงลงราว 7% หุ้นของบริษัทขายสินค้านำเข้ารายใหญ่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด หุ้น Five Below ลดลง 14% หุ้น Dollar Tree ร่วงลง 11%

และหุ้น Gap ร่วงลง 8.5% หุ้นเทคโนโลยี ร่วงลงจากแนวโน้มที่ไม่ต้องการเสี่ยง โดย หุ้น Nvidia ลดลง 5% และ หุ้น Tesla ลดลง 7%

ทำเนียบขาวเปิดเผยอัตราภาษีศุลกากรขั้นต่ำ 10% สำหรับทุกประเทศ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 เมษายน นี้ รัฐบาลยังประกาศเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มเติมอีกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

“เราจะเรียกเก็บภาษีจากพวกเขาประมาณครึ่งหนึ่งของอัตราที่พวกเขาเรียกเก็บ และเคยเรียกเก็บจากเรา” ทรัมป์กล่าวในการแถลงข่าวที่สวนกุหลาบทำเนียบขาว (White House Rose Garden) “ดังนั้น ภาษีศุลกากรจะไม่เป็นอัตราตอบโต้เต็มจำนวน”

ตัวเลขที่ลดลงครึ่งหนึ่งนี้รวมถึง “อัตราภาษีศุลกากรทั้งหมด อุปสรรคการค้าที่ไม่ใช่ตัวเงิน และรูปแบบอื่นๆ ของการโกง” เขากล่าว

สิ่งที่น่าจะทำให้ผู้ค้าตกใจคือ อัตราภาษีเหล่านี้จะสูงกว่าที่คาดไว้สำหรับหลายประเทศ ตัวอย่างเช่น อัตราภาษีศุลกากรที่สำหรับจีนจะอยู่ที่ 54% เมื่อคิดรวมอัตราตอบแทนใหม่ และภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บกับประเทศนี้แล้ว ทำเนียบขาวชี้แจงกับซีเอ็นบีซี ผู้ค้าต่างหวังว่าอัตรา 10% ถึง 20% จะเป็นเพดานที่ใช้กับทุกประเทศ ไม่ใช่ภาษีขั้นต่ำ

“สิ่งที่ประกาศออกมานั้นไร้แบบแผนเช่นเดียวกับสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้เคยทำมาจนถึงปัจจุบัน และระดับความซับซ้อนยุ่งเหยิงของภาษีใหม่นั้นแย่กว่าที่กลัวกัน และตลาดยังไม่ได้ไม่ประเมินไว้” อาร์ต โฮแกน หัวหน้านักกลยุทธ์การตลาดของกองทุน B. Riley Wealth Management กล่าว

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นวันที่สามในวันพุธในเวลาทำการเทรดปกติ เนื่องจากมีความหวังว่าทรัมป์จะไม่ประกาศแผนภาษีที่เข้มงวดเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว และเงินเฟ้อที่ตึงตัวอยู่แล้วสูงขึ้น

ดัชนีอ้างอิงได้รับผลกระทบอย่างหนักตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ โดยปรับตัวลดลงสู่ระดับการปรับฐาน หรือลดลง 10% จากระดับสูงสุด เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มมากขึ้นอันเนื่องมาจากการประกาศภาษีอย่างต่อเนื่องของทรัมป์ ความไม่แน่นอนนี้เริ่มปรากฏให้เห็นในข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งกดดันหุ้นเพิ่มเติมโดยเพิ่มความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย

“ถ้าเขาขึ้นอัตราภาษีเพียง 10% ผมคิดว่าตอนนี้ตลาดน่าจะปรับตัวขึ้นมากทีเดียว” แลร์รี เทนทาเรลลี หัวหน้านักยุทธศาสตร์เทคนิคของ Blue Chip Trend Report กล่าว “แต่เนื่องจากอัตราภาษีเข้ามาสูงกว่าที่หลายคนคาดไว้ ผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ มันสร้างความผันผวนด้านลบมากขึ้นในตอนนี้”

เมื่อคำนวณการลดลงในช่วงเวลาหลังปิดตลาดวันพุธ ดัชนี S&P 500 กำลังอยู่ในแนวโน้มที่จะปรับฐานลงอีกครั้งในช่วงชั่วโมงปกติของการซื้อขายในวันพฤหัสบดี

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์