ดาวโจนส์ดิ่ง 2,200 จุด พาวเวลเตือนภาษีทรัมป์กระทบเงินเฟ้อยาว

ดาวโจนส์ดิ่ง 2,200 จุด พาวเวลเตือนภาษีทรัมป์กระทบเงินเฟ้อยาว

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่ง 2,200 จุด แนสแด็กเข้าสู่ตลาดหมีในวันศุกร์ S&P 500 ร่วง 10% ใน 2 วัน ตลาดผวาทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าครั้งใหญ่ พาวเวลเตือนภาษีทรัมป์ลากเงินเฟ้อยาว

บลูมเบิร์ก/ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันศุกร์ (4 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาไทยว่า ตลาดหุ้นร่วงเป็นวันที่ 2 ในวันศุกร์ หลังจากจีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ อีกครั้ง ทำให้เกิดความกังวลว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อาจจุดชนวนให้เกิดสงครามการค้าระดับโลกที่จะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ด้านเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)เตือนภาษีทรัมป์อาจกระทบเงินเฟ้อมากกว่าที่คาดไว้ ขณะที่ทรัมป์กดดันเฟดให้ลดดอกเบี้ย

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ร่วงลง 2,231.07 จุด หรือ 5.5% สู่ระดับ 38,314.86 ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการร่วงลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 โดยดัชนีร่วงลง 1,679 จุดเมื่อวันพฤหัสบดี และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ดัชนีร่วงลงมากกว่า 1,500 จุดติดต่อกัน 2 วัน 

ด้านดัชนี S&P 500 ร่วงลง 5.97% เหลือ 5,074.08 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 โดยดัชนีดังกล่าวร่วงลง 4.84% เมื่อวันพฤหัสบดี และขณะนี้ลดลงมากกว่า 17% จากจุดสูงสุดล่าสุด

ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ซึ่งเป็นที่รวมของบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งที่ขายผลิตภัณฑ์ให้กับจีนและผลิตสินค้าในจีนด้วย ร่วงลง 5.8% เหลือ 15,587.79 จุด ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่ร่วงลงเกือบ 6% เมื่อวันพฤหัสบดี และทำให้ดัชนีลดลง 22% จากจุดสูงสุดในเดือนธันวาคม ถือเป็นภาวะตลาดหมีตามคำนิยามของวอลล์สตรีท

และ ดัชนี Nasdaq 100 ร่วงลง 6.1% เข้าสู่ภาวะตลาดหมีด้วยการร่วงลง 20% ของดัชนีจากจุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์เทียบได้กับการร่วงลงในช่วงวิกฤตโรคระบาดในปี 2020 และฟองสบู่ดอทคอมแตกในปี 2000

การขายหุ้นวอลล์สตรีทดังกล่าวมีขึ้นอย่างกว้างขวาง โดยมีสมาชิก S&P 500 เพียง 14 รายที่ปรับตัวสูงขึ้นในวันนั้น ดัชนีตลาดหลักปิดที่ระดับต่ำสุดของเซสชั่น

กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่าจีนจะเรียกเก็บภาษีสินค้าของสหรัฐฯ ทั้งหมด 34% ซึ่งทำให้บรรดานักลงทุนผิดหวัง เนื่องจากพวกเขาหวังว่าประเทศต่างๆ จะเจรจากับทรัมป์ก่อนที่จะตอบโต้

หุ้นเทคโนโลยีนำตลาดที่ร่วงลงเมื่อวันศุกร์ ราคาหุ้นของบริษัทผู้ผลิต iPhone อย่าง Apple

ร่วงลง 7% ทำให้สัปดาห์นี้หุ้นของบริษัทร่วงลง 13% บริษัท Nvidia

ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ ร่วงลง 7% ในช่วงการซื้อขาย ขณะที่ Tesla

ร่วงลง 10% ทั้งสามบริษัทต่างก็มีส่วนได้ส่วนเสียสูงกับเศรษฐกิจจีนและได้รับผลกระทบหนักที่สุดจามาตรการตอบโต้ของปักกิ่ง

นอกเหนือจากบริษัทเทคโนโลยีแล้ว Boeing และ Caterpillar ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ไปยังจีน เป็นผู้นำดัชนี Dow ที่ร่วงลง โดยร่วงลง 9% และเกือบ 6% ตามลำดับ

“ตลาดกระทิงตายแล้ว และถูกทำลายโดยพวกเคร่งลัทธิและบาดแผลที่เกิดจากการทำร้ายตัวเอง” เอมิลี่ โบเวอร์ซ็อค ฮิลล์ ซีอีโอและหุ้นส่วนผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน Bowersock Capital Partners กล่าว “แม้ว่าตลาดอาจอยู่ใกล้จุดต่ำสุดในระยะสั้น แต่เรากังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าโลกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว”

ความพยายามของจีนในการตอบโต้ต่อภาษีศุลกากรของทรัมป์ขยายออกไปเกินกว่าการขึ้นภาษีตอบโต้ ปักกิ่งเพิ่มบริษัทหลายแห่งลงในรายชื่อที่เรียกว่า “รายชื่อนิติบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ” ซึ่งระบุว่าบริษัทเหล่านี้ละเมิดกฎเกณฑ์ตลาดหรือข้อผูกมัดตามสัญญา นอกจากนี้ จีนยังได้เปิดการสอบสวนการผูกขาดต่อบริษัทดูปองต์เมื่อวันศุกร์ ทำให้หุ้นดิ่งลงเกือบ 13%

  • แห่ซื้อพันธบัตร

ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของกระทรวงการคลังลดลงต่ำกว่า 4% ในวันศุกร์ เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อพันธบัตรเพื่อความปลอดภัย ทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นและอัตราตอบแทนลดลง ดัชนีความผันผวน (VIX)

ซึ่งเป็นมาตรวัดความกลัวของวอลล์สตรีทพุ่งสูงขึ้นเหนือ 40 ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงมากและเห็นได้เฉพาะในช่วงที่ตลาดตกต่ำอย่างรวดเร็วเท่านั้น

ทรัมป์ดูเหมือนจะแน่วแน่เมื่อเผชิญกับปฎิกิริยาของตลาดต่อภาษีศุลกากรที่เขาประกาศเมื่อเย็นวันพุธ โดยเขาโพสต์ลงบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social เมื่อวันศุกร์ว่า “นโยบายของเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”

ด้าน เจย์ วูดส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกของโบรกเกอร์ Freedom Capital Markets กล่าวว่า“สิ่งที่น่ากลัวในขณะนี้เมื่อเข้าสู่ช่วงสุดสัปดาห์คือสงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้น และสหรัฐฯ ไม่ยอมถอย” 

โดยรวมแล้ว ดัชนี S&P 500 ลดลง 9% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2020

  • มูลค่าตลาดหายมหาศาล

ในวันศุกร์ดัชนี S&P 500 ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน โดยมูลค่าตลาดลดลง 5.4 ล้านล้านดอลลาร์ในเวลาเพียง 2 วันทำการ

  • พาวเวลเตือภาษีทรัมป์กระทบเงินเฟ้อยืดเยื้อ

ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวล กล่าวว่าภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ "อาจส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้ออย่างยืดเยื้อ"

พาวเวลกล่าวสุทรพจน์ต่อประชุม Society for Advancing Business Editing and Publishing Conference ที่เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนียว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์น่าจะมีมากกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้เขายังเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่เฟดจะต้องทำให้เงินเฟ้อคาดการณ์ถูกตรึงเอาไว้ ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ 

ในขณะที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กดดันให้พาวเวลปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในตอนนี้