เปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้น 1,000 จุด หวังมีข้อตกลงภาษีศุลกากร

เปิดตลาดดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้น 1,000 จุด หวังมีข้อตกลงภาษีศุลกากร

เปิดตลาดวันอังคารดัชนีดาวโจนส์ดีดขึ้น 1,000 จุด นักลงทุนมีความหวังจะมีข้อตกลงภาษีศุลกากรระหว่างสหรัฐกับคู่ค้า นำไปสู่การลดอภาษีลง และลดความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย

บลูมเบิร์ก/ซีเอ็นบีซี: หุ้นพุ่งขึ้นในช่วงเปิดตลาดวันอังคาร( 8 เม.ย.) ตามเวลานิวยอรก์ โดยตลาดวอลล์สตรีทคลายจากความปั่นป่วนจากผลกระทบของกำแพงภาษีศุลกากรแบบโต้ นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าสหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศต่างๆเพื่อลดอัตราภาษีศุลกากรในช่วงต่อไป

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ดีดตัวขึ้น 994 จุด หรือ 2.7% ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 2.8% ในขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite พุ่งขึ้น 3.3%   ดัชนีหลักทั้งสามนี้กำลังอยู่ในเส้นทางสู่การซื้อขายที่ดีที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2022

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย Truth Social ในวันอังคารว่าเขามี "การสนทนาที่ยอดเยี่ยม" กับรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ และฝ่ายจีน"ก็ต้องการทำข้อตกลงอย่างยิ่ง"

ทรัมป์ ยังเรียกร้องให้สหภาพยุโรปซื้อพลังงานจากสหรัฐฯ มากขึ้นเพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้า แต่สิ่งต่างๆ ไม่สามารถทำได้ง่ายอย่างนั้น คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นฝ่ายบริหารของกลุ่มไม่สามารถซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว LNG แทนบริษัทเอกชนได้

แต่สิ่งหนึ่งที่คณะกรรมาธิการยุโรปสามารถทำได้คือให้สหรัฐฯ ไม่ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งจะทำให้เชื้อเพลิงของสหรัฐฯ น่าดึงดูดใจมากขึ้นสำหรับผู้นำเข้าในยุโรป รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของลิทัวเนียกล่าว

เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าสหรัฐฯ กำลังเจรจากับประเทศคู่ค้า

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ กล่าวกับซีเอ็นบีซีในวันอังคารว่า มีประเทศต่างๆ ประมาณ 70 ประเทศได้ติดต่อสหรัฐฯ เพื่อขอเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร “หากพวกเขามีข้อเสนอที่ชัดเจน ผมคิดว่าเราอาจได้ข้อตกลงที่ดี” เบสเซนต์กล่าว “และกำแพงภาษีศุลกากรบางส่วนอาจจะยังคงอยู่”

ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักเป็นเวลาสามวันและตลาดผันผวนอย่างรุนแรง วันจันทร์ถือเป็นวันจันทร์ที่มีปริมาณการซื้อขายสูงสุดของตลาดสหรัฐฯ ในรอบอย่างน้อย 18 ปี โดยมีการซื้อขายหุ้นกันประมาณ 29,000 ล้านหุ้น ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ซึ่งมีหุ้น 30 ตัว ร่วงลงมากกว่า 1,700 จุดในช่วงหนึ่งของการซื้อขาย ระหว่างจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของวัน ดัชนีแกว่งตัวขึ้นลง 2,595 จุด ดัชนีบลูชิปปิดตัวลง 349 จุด หรือ 0.9% ในท้ายที่สุด

 

ดัชนี S&P 500 เข้าสู่เขตตลาดหมีในช่วงสั้นๆ ที่ระดับต่ำสุดของการซื้อขายในวันจันทร์ โดยลดลงมากกว่า 20% จากระดับสูงสุด ก่อนที่จะดีดตัวขึ้นเล็กน้อยและปิดการซื้อขายในระดับต่ำลงเล็กน้อย ดัชนีอ้างอิงนี้ลดลง 10% ในสองวันสุดท้ายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการร่วงลงรุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2020 ในช่วงที่โควิดระบาด นักลงทุนวิตกว่าอัตราภาษีศุลกากรที่สูงอย่างน่าตกใจของทรัมป์ที่เรียกเก็บจากหลายประเทศจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

  • นักลงทุนต้องการนโยบายที่คงเส้นคงวา

โรเบิร์ต รุกจิเรลโล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของที่ปรึกษาการเงิน Brave Eagle Wealth Management กล่าวว่า แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นในวันอังคารจากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นในการเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร แต่นักลงทุนยังต้องเห็นเสถียรภาพในนโยบายการค้ามากขึ้นเพื่อให้การฟื้นตัวดำเนินต่อไป  

“จำต้องมีสถานการณ์ที่เอื้อให้บริษัทต่างๆ สามารถตัดสินใจจัดสรรเงินทุนในระยะยาวได้ พวกเขาต้องการนโยบายของรัฐที่คงเส้นคงวาเพื่อสร้างความเชื่อมั่น” รุกจิเรลโล กล่าว

หุ้น Apple ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดเนื่องจากมีส่วนได้ส่วนเสียกับเศรษฐกิจจีนมาก พุ่งขึ้น 4% ในวันอังคาร หุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่อื่นๆ ปรับตัวสูงขึ้นในวันนี้ โดย Nvidia และ Meta Platforms

ปรับตัวขึ้นราว 5% ราคาหุ้น Tesla ก็ปรับตัวขึ้นมากกว่า 6% เช่นกัน ในขณะที่ Amazon และ Netflix ปรับตัวขึ้นมากกว่า 4% ทั้งคู่

ดัชนีความผันผวนของ (VIX) หรือที่เรียกกันว่ามาตรวัดความกลัวของวอลล์สตรีท พุ่งสูงถึงประมาณ 60 จุดในวันจันทร์ ซึ่งเป็นระดับที่รุนแรงที่อาจส่งสัญญาณว่าราคาหุ้นจะดีดตัวกลับทางเทคนิค ในวันอังคาร ดัชนีได้ลดลงต่ำกว่า 40 จุดอีกครั้ง