วัดกำลัง หุ้นเทค ‘จีน-สหรัฐ’ … คว้า ‘โอกาส’ น่าลงทุน อีกครั้ง

ปรากฏการณ์ DeepSeek ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ สะท้อน “โอกาสการลงทุน” ในปี 68 กลับมา “คึกคัก” อีกครั้ง!! อาจเป็นเครื่องยนต์หลัก ผลักดัน “หุ้นจีน” กลับมาผงาดอีกครั้ง
ลองกลับมาดูเจ้าตลาดอย่าง “หุ้นสหรัฐ” ที่กำลังโดน “จีน” ท้าทายอยู่ในเวลานี้ และมีคำถามในใจว่า “หุ้น 7 นางฟ้า” ที่เคยยิ่งใหญ่ จะถูกโค่นลงจริงหรือไม่ แล้วตอนนี้ราคาหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอยู่ในระดับสูงเกินไปแล้วหรือยัง
ผ่านมุมมอง “ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) จิตตะ เวลธ์ จำกัด กล่าวว่า ในแง่ของโอกาสการลงทุนระหว่างหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ และจีน มองว่า เวลานี้ “มีโอกาส” และ “ความเสี่ยง” ที่แตกต่างกันไป
สำหรับ หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐมีข้อดีเรื่องของบริษัทมีพื้นฐานแข็งแกร่ง ผู้นำด้านนวัตกรรมระดับโลก มีการเติบโตทั้งรายได้ และกำไรดีอยู่ แต่มีความเสี่ยงจากราคาหุ้นก็อยู่ในระดับที่สูง สะท้อนถึงความคาดหวังของนักลงทุนที่มากตามไปด้วย ทำให้ Valuation ในปัจจุบันค่อนข้างมีความอ่อนไหวต่อปัจจัยต่างๆ ที่จะมากระทบ
เช่น การประกาศตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจคาดการณ์การเติบโตที่ไม่เป็นไปตามเป้า หรือความไม่แน่นอนในนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมถึงปัจจัยที่คาดการณ์ไม่ได้อื่นๆ อย่างล่าสุด จากปรากฏการณ์ DeepSeek ที่เกิดขึ้น วันนั้นทำให้บริษัท NVIDIA มีมูลค่าบริษัทลดลงไป 6 แสนล้านดอลลาร์ หรือเทียบเท่ามูลค่า GDP ของประเทศไทยภายในวันเดียว
ส่วน หุ้นเทคโนโลยีจีนมีข้อดี โอกาสเติบโตน่าสนใจ และมี Valuation ที่ค่อนข้างถูก แม้ช่วงนี้จะมีการปรับตัวขึ้นมาแล้วก็ตาม โดยเฉพาะบริษัทที่มีพัฒนา และนำ AI มาใช้ นอกจาก Alibaba และ BYD ก็ยังมีบริษัท Tencent ล่าสุด ก็มีการนำ DeepSeek มาใช้งานร่วมกับระบบค้นหาข้อมูลในแอปพลิเคชัน WeChat
อย่างไรก็ดี การลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีจีน มีความเสี่ยงจากสงครามการค้า และสงครามเทคโนโลยีกับทางสหรัฐ รวมถึงความเสี่ยงเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบ หรือการออกนโยบายของรัฐบาลจีนเอง แต่จากที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง มีการจัดประชุมร่วมกับกลุ่มผู้ก่อตั้งธุรกิจชั้นนำของจีน เป็นการส่งสัญญาณเชิงบวกต่อบริษัทเทคโนโลยีจีน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการกำกับดูแล
“พูดง่ายๆ คือ หุ้น 7 นางฟ้าเติบโตในอัตราที่ลดลงแล้ว ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีจีน ราคาถูกกว่าฝั่งตะวันตกหลายเท่าเลย และแน่นอนว่ากำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น ถือเป็นโอกาสสำหรับคนที่ชอบของถูกแน่นอน”
ดังนั้น แนะนำว่า หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐอย่าง หุ้น 7 นางฟ้า กลุ่มนี้ อาจต้องพิจารณาความสมเหตุสมผลของ Valuation เป็นหลัก หาก P/E Ratio สูงเกินไปเมื่อเทียบกับอดีต อาจรอจังหวะตลาดปรับฐานระยะสั้น หรือเลือกลงทุนบริษัทเทคโนโลยีขนาดกลาง-เล็กที่ยังมี Upside จากการเติบโต และมี Valuation ที่ไม่สูงจนเกินไป
ขณะที่ จีนยังเดินเกมชิงบัลลังก์หุ้นเทคโนโลยีจีนต่อ ไม่แปลกที่ตอนนี้ ราคาหุ้นเทคโนโลยีจีนปรับตัวขึ้นมาก และจะเป็นเครื่องยนต์หนึ่งดันหุ้นจีนกลับมาผงาดอีกครั้ง สิ่งที่นักลงทุนต้องทำคือ พร้อมรับมือให้ดีสุด จัดพอร์ตฝ่าวิกฤติความผันผวน ยึดหลักกระจายความเสี่ยง หากลังเลไม่แน่ใจในจีน การจัดสัดส่วนลงทุนระหว่างหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ และจีน ถือเป็นกลยุทธ์ที่ดีในการลดความเสี่ยงควรพิจารณาสัดส่วนลงทุนที่เหมาะสมตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ยังคงแนะนำหลักการจัดพอร์ตแบบ “Core & Satellite” โดยพอร์ตหลักCore Port ควรลงทุนสินทรัพย์ที่ค่อยๆ เติบโตอย่างมั่นคง เป็น Global ETF ที่กระจายความเสี่ยงลงทุนหุ้นทั่วโลก และตราสารหนี้คุณภาพดีผ่าน ETF
ส่วนพอร์ตรอง Satellite Port ลงทุนสินทรัพย์ที่เสี่ยงมาก เป็นสินทรัพย์ที่มุ่งเน้นผลตอบแทน ในสัดส่วนไม่เกิน 10% ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ และอีกไม่เกิน 10% ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีน สำหรับนักลงทุนรับความเสี่ยงสูงอาจเพิ่มหุ้นเทคโนโลยีจีนเป็นไม่เกิน 15% ได้ เพราะทั้งโอกาสการเติบโต และ Valuation ในปัจจุบันมีความน่าสนใจมาก
สำหรับ กลยุทธ์การลงทุน แนะแบ่งเงินเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก DCA เข้าลงทุนอย่างสม่ำเสมอ ส่วนที่ 2 เข้าสะสมเวลาที่ตลาดมีการปรับฐานรุนแรงในระยะสั้น... เพียงแค่ต้นปีก็มีเรื่องสนุกๆ น่าติดตาม ปีนี้ยังเหลือเวลาให้เราลุ้นอีกหลายเดือน
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์