ดาวโจนส์พุ่งขึ้น 300 จุด ท่ามกลางความหวังข้อตกลงภาษีศุลกากร

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันอังคาร (29 เม.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นในวันอังคาร โดยแตะระดับสูงสุดในวันนี้ ขณะที่ทำเนียบขาวรายงานว่าใกล้จะมีการประกาศข้อตกลงการค้าสำคัญแล้ว

ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นชั้นนำพุ่งขึ้น 300.03 จุด หรือ 0.75% ปิดที่ 40,527.62 จุด ดัชนี S&P 500

เพิ่มขึ้น 0.58% ปิดที่ 5,560.83 จุด ดัชนีทั้งสองดัชนีมีวันบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ซึ่งถือเป็นวันบวกที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมสำหรับดัชนีดาวโจนส์ และนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนสำหรับดัชนี S&P 500 ดัชนี ขณะที่ดัชนี Nasdaq Compositeปรับขึ้น 0.55% ปิดที่ 17,461.32 จุด

สหรัฐบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับหลายประเทศ

“ผมทำข้อตกลงเสร็จแล้ว เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว แต่ผมจำเป็นต้องรอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐสภาของประเทศคู่ค้าอนุมัติ ซึ่งผมคาดว่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้” ฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ กล่าวกับทีวีซีเอ็นบีซี ในช่วงบ่าย โดยไม่ได้ระบุชื่อประเทศ

หุ้นปรับตัวลงอย่างหนักตลอดช่วงการซื้อขายก่อนที่ลัทนิคจะออกมาแสดงความคิดเห็น

หุ้นหลักที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เช่น เจเนอรัล มอเตอร์ส และแอปเปิล

ปรับตัวลงจากจุดต่ำสุดของเซสชันในช่วงบ่าย GM กล่าวเมื่อเช้าวันอังคารว่ากำลังประเมินแนวทางในอนาคตอีกครั้งและระงับการซื้อหุ้นคืน เนื่องจากรอความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากการจัดเก็บภาษี อย่างไรก็ตาม GM ปิดวันด้วยราคาที่ลดลง 0.6% ในขณะที่แอปเปิลปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.5%

ด้านยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซ Amazon กล่าวว่าแผนเดิมที่จะแสดงค่าภาษีนำเข้าเพิ่มเติมบนเว็บไซต์สำหรับร้านค้าลดราคา Amazon Haul “จะไม่เกิดขึ้น” ราคาหุ้นร่วงลงในช่วงเช้าของวันอังคาร หลังจากโฆษกทำเนียบขาว แคโรไลน์ ลีวิตต์ กล่าวว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็น “การกระทำที่ไม่เป็นมิตรและเป็นเรื่องการเมือง” หุ้นปิดตลาดวันนี้ด้วยราคาที่ลดลงเกือบ 0.2%

ความไม่แน่นอนเรื่องภาษียังคงกดดันตลาดหุ้น

“จนกว่าเราจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการซื้อขาย ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีก” รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักกลยุทธ์การลงทุนจากโบรกเกอร์ Baird กล่าว พร้อมเสริมว่าดัชนี S&P 500 อาจซื้อขายที่ระดับ 5,100 - 5,700 จุด ขณะที่นักลงทุนกำลังรอความคืบหน้าของการซื้อขาย

บริษัทจำนวนมากจะออกรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 ประมาณหนึ่งในสามมีกำหนดประกาศผลประกอบการระหว่างวันจันทร์ถึงวันศุกร์ โดยบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่เป็นเป้าหมายหลัก โดยคาดว่าจะมี Meta Platforms

และ Microsoft ในวันพุธ และ Apple และ Amazon ในวันพฤหัสบดี

“ผมไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นจากผลประกอบการไตรมาสนี้ที่จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดทั้งด้านบวกและด้านลบ” เมย์ฟิลด์ กล่าว “เรากำลังอยู่ในภาวะเทขายที่เกิดจากนโยบายและอาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย และจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อให้เราพ้นจากจุดนั้นได้”

ราคาหุ้นฮันนีเวลล์ พุ่งขึ้น 5.4% หลังผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัทสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ โดยช่วยผลักดันให้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวสูงขึ้น