ซีเซียม-137 ล่าสุด (22 มี.ค.66) สรุปการตรวจวัดระดับปริมาณรังสี การปนเปื้อน
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รายงานสรุปสถานการณ์และการปฏิบัติงานกรณีการปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสี "ซีเซียม-137" ในโรงงานหลอมโลหะ จังหวัดปราจีนบุรี
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ รายงานสรุปสถานการณ์และการปฏิบัติงานกรณีการปนเปื้อนวัสดุกัมมันตรังสี "ซีเซียม-137" ในโรงงานหลอมโลหะ จังหวัดปราจีนบุรี (ณ วันที่ 21 มี.ค.2566)
การดำเนินการของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
- กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่อเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์เกี่ยวกับวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137
- สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจในการเฝ้าระวังและตอบสนองกรณีวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในพื้นที่เกิดเหตุ ณ จังหวัดปราจีนบุรี
การตรวจสอบและการตรวจวัดระดับปริมาณรังสีในพื้นที่โรงงานหลอมโลหะที่เกิดเหตุ สรุปดังนี้
1. เจ้าหน้าที่ ปส. ได้ตรวจสอบเตาหลอมเหล็กและระบบการจัดการฝุ่นเหล็กมีผลการตรวจสอบ ดังนี้
- พบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในเตาหลอมโลหะจำนวน 1 เตา จากเตาหลอมทั้งหมด 3 เตา ซึ่งผลการตรวจสอบพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในระดับต่ำ (ระดับรังสี 0.07- 0.10 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง) ในขณะที่เตาหลอมโลหะหมายเลข 1 และหมายเลข 2 ไม่พบการปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสีซีเซียม-137
- ไม่พบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในชิ้นส่วนอุปกรณ์ถ่ายเทน้ำเหล็ก (ระดับรังสี 0.03-0.05 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง)
- พบการปนเปื้อนของสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ในระบบการดูดฝุ่น (Dust Filter) และระบบกรองฝุ่น (อัตราปริมาณรังสีเท่ากับ 1.2-1.7 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง) และมีฝุ่นจำนวนหนึ่งที่อยู่ในระบบกรองฝุ่นโลหะปนเปื้อนซีเซียม-137 จากการหลอมโลหะเมื่อวันที่ 18-19 มีนาคม 2566 ซึ่งขณะนี้รอให้ฝุ่นปนเปื้อนดังกล่าวเย็นลงและเตรียมบรรจุลงในถุงขนาดใหญ่ จากนั้นจะนำไปจัดเก็บในอาคารเก็บฝุ่นแดงปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 รวมกับ 24 ถุงที่ตรวจสอบพบการปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 ก่อนหน้านี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ข้อสังเกต'ซีเซียม-137' ล่องหนหายไปได้อย่างไร
- สถานการณ์ซีเซียม-137 เปิดพื้นที่ปฏิบัติการ 4 วงใหญ่ เฝ้าระวังใกล้ชิด
- ซีเซียม-137 คืออะไร อันตรายแค่ไหน และจะเกิดอะไรขึ้นหากถูกสารนี้เข้าไป
2. เจ้าหน้าที่ ปส. ได้ทำการตรวจวัดระดับปริมาณรังสีโดยใช้เครื่องสำรวจและระบุชนิดสารกัมมันตรังสีบริเวณหน้าดินในพื้นที่โรงงานพบว่าระดับปริมาณรังสีอยู่ในระดับเท่ากับระดับปริมาณรังสีในธรรมชาติ (0.03 – 0.05 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง)
การตรวจวัดปริมาณรังสีรอบในสิ่งแวดล้อม ดำเนินการดังนี้
- ตรวจวัดระดับปริมาณรังสีโดยใช้เครื่องมือวัดทางรังสีและติดตั้งในรถยนต์ โดยตรวจวัดระดับปริมาณรังสีในพื้นที่โรงงานที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบว่า ระดับรังสีที่ตรวจวัดได้อยูในระดับรังสีในธรรมชาติ
- ตรวจวัดระดับปริมาณรังสีโดยรอบพื้นที่โรงงานที่เกิดเหตุ ผลการตรวจสอบพบว่าระดับรังสีที่ตรวจวัดได้อยูในระดับรังสีในธรรมชาติ
- ตรวจวัดปริมาณรังสีในสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่รอบบริเวณโรงงาน ในรัศมีระยะทางประมาณ 3 กม.
- พื้นที่บริเวณหมู่บ้านโคกกระท้อน ม.10 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
- พื้นที่บริเวณหมู่บ้านซ่ง ม.3 ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
- พื้นที่บริเวณบ้านหาดสูง ม.2 ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
- พื้นที่บริเวณ อบต.หาดนางแก้ว ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี
แนวทางการตรวจวัดและประเมินค่าซีเซียม-137 (CS-137) ที่ได้รับเข้าสู่ร่างกาย ดังนี้
1.การคัดเลือกผู้เข้ารับการตรวจวัดและประเมินค่าปริมาณรังสีจากภายในร่างกาย โดยพิจารณาจากความเสี่ยงที่ได้รับด้วยการบันทึกข้อมูลรายละเอียดการได้รับรังสี
2.การตรวจวัดและประเมินค่าปริมาณรังสีเบื้องต้น ณ บริเวณจุดเกิดเหตุ แบ่งเป็น
- การตรวจสอบการเปรอะเปื้อนจากภายนอกร่างกาย
- การตรวจวัดรังสีแกมมาด้วยเครื่องวัดรังสีที่อวัยวะแบบเคลื่อนย้ายได้
3.การยืนยันการได้รับรังสี โดยดำเนินการเก็บตัวอย่างจากปัสสาวะของกลุ่มเสี่ยงตามแนวทางการเก็บโดยกำหนดเวลา 24 ชั่วโมง แล้วนำมาตรวจวัดที่ห้องปฏิบัติการ ปส. ด้วยเครื่องวัดรังสีแกมมา
4.หากการได้รับรังสีปริมาณสูง ปส. จะประสานงานกับหน่วยงานด้าน Biodose เช่น โรงพยาบาลรามาธิบดี ในการการส่งต่อผู้ป่วยและวิเคราะห์ความผิดปกติของเซลล์ร่วมกัน
5.การติดตามผลกระทบที่เกิดจากการได้รับสารรังสีเป็นระยะ