วธ. ชม 'หมอมิยู' ใส่ชุดไทยวิ่งมาราธอนโลก สร้างสถิติลงกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด

เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2566 นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องราวที่น่าชื่นชมและยินดีเกี่ยวกับความสามารถของทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี หรือ คุณหมอมิยู หมอฟันประจำโรงพยาบาลเจ้าพระยา วัย 33 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในนักวิ่งหญิงชื่อดังของไทย หลังจากเจ้าตัวได้โพสต์ภาพลงใน เฟซบุ๊ก Charinya MiYu Kanchanasevee เป็นภาพใส่ชุดไทย ห่มสไบ นุ่งโจงกระเบน พร้อมสวมชฎา และในมือถือใบกระกาศนียบัตร กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด (Guinness World Records) ที่บันทึกสถิติเป็นนักวิ่ง "Fastest Marathon dressed in Thai Traditional Dress" จากงานแข่งขันวิ่ง "TCS London Marathon 2023" (ลอนดอน มาราธอน 2023) ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวต่อว่า กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ในฐานะที่ได้รณรงค์เรื่องความเป็นไทย ส่งเสริมผ้าไทยให้เป็นที่รู้จักระดับนานาชาติมาโดยตลอด รู้สึกชื่นชมความสามารถและการแสดงออกถึงความเป็นคนไทยของทันตแพทย์หญิง ชรินญาในครั้งนี้เป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างในการทำให้การแต่งกายด้วยชุดไทยเป็นที่รู้จักในระดับโลก  ทันตแพทย์หญิง ชรินญา ถือเป็นตัวอย่างของคนไทยที่ตั้งใจนำความสามารถของตัวเองสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ แต่ก็ไม่ลืมความเป็นไทย มีความตั้งใจใส่ชุดไทยลงแข่งเพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน Soft Power นั่นคือ แฟชั่นผ้าไทย พร้อมทั้งเป็นแรงบันดาลใจเรื่องการท่องเที่ยวไทยเชิง Sports และ Wellness Tourism  หรือ กีฬาและการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ไปพร้อมกันด้วย 

 

ด้านหมอมิยู ได้กล่าวถึงแรงบันดาลใจในครั้งนี้ว่า  "เราเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่รักประเทศไทย รักประเทศของตนเอง ไม่ว่าไปวิ่งที่ไหนก็จะมีธงชาติไทยติดไปเสมอ ให้โลกรู้ว่าเราคือคนไทย ครั้งนี้ก็เช่นกัน อยากโปรโมทชุดไทยให้ทั่วโลกรู้จัก ไม่ได้คิดว่ามันจะเป็นกระแสขนาดนี้ อะไรที่แสดงว่าเรารักประเทศ เราก็อยากทำด้วยใจ ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ภาคภูมิใจในความเป็นไทย"

ทั้งนี้ รัฐบาล โดย วธ. มุ่งขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG และผลักดัน “Soft Power” ความเป็นไทย เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ  สร้างรายได้และภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ประเทศ  โดยเฉพาะอุตสาหกรรมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพ 5F ได้แก่ อาหาร (Food) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ (Film) ผ้าไทยและการออกแบบแฟชั่น (Fashion) มวยไทย (Fighting) และเทศกาลประเพณี (Festival) สู่ระดับโลก ทั้งนี้ ล่าสุด วธ.ได้มีการรณรงค์ให้ประชาชนคนไทยแต่งไทยมาร่วมงานใต้ร่มพระบารมี 241 ปี กรุงรัตนโกสินทร์อีกด้วย ซึ่งได้รับการตอบรับจากประชาชนร่วม "แต่งไทยให้ปังดังไปทั่วโลก" เป็นจำนวนมาก

• ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“หมอมิยู” ทันตแพทย์นักวิ่ง กับเป้าหมาย “วิ่งจนกว่าจะวิ่งไม่ได้”

ทั้งนี้ ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี เล่าประสบการณ์ในการวิ่งด้วยชุดไทย บันทึกสถิติใน กินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ด สำเร็จ  ศึก “ลอนดอนมาราธอน” หนึ่งในหกเมเจอร์ของโลก ที่ประเทศอังกฤษ ผ่านเฟซบุ๊ก Charinya MiYu Kanchanasevee ระบุว่า...

Race Note London Marthon 2023 มาราธอนที่กดดัน ทรหด ทรมาน และถึงแม้ว่าจะเป็นมาราธอนที่วิ่งนานที่สุดตั้งแต่วิ่งมา ( Full แรก 3:42 ชม Full ครั้งนี้ 3:45ชม ) แต่เป็นการวิ่งที่โคตรมันส์ที่สุดเลยก็ว่าได้ อย่างเอา

เช้าวันแข่ง
เนื่องจากว่าเราต้องไปรายงานตัวสำหรับผู้ที่จะทำสถิติ Guinness World Record ที่ Colour Green ก่อน 8:30 น (ปล่อยตัว 10:04 น ) ตื่นมาตอนเช้า 4:30 น จัดขนมปัง กาแฟ อย่างแรก มีนัดกับพี่เล็กช่างทำผมแต่งตัวที่ได้พี่ยุ้ย ททท ณ ลอนดอน เป็นธุระให้ ตอน 5:30 น ทำเสร็จ 7:00 น พอดี ต้องรีบไปขึ้นรถ Coach เพื่อไปรายงานตัว เลยไม่ได้ถ่ายรูปกับสมาชิกพี่ๆคนไทยเท่าไหร่ เสียใจ

ถึงจุดปล่อยตัว
รายงานตัวเสร็จ เจอพี่คนไทย 2 ท่านและพี่โจ (ผู้ซึ่งได้ six star มาหมาดๆ ยินดีด้วยค่า) ที่ Block Green อากาศเริ่มครึ้มฝน และหนาวมาก ใจคอเริ่มไม่ดีเข้าไปหลบหนาวในเต็นท์ จน 9:45 น  ไปต่อคิวเข้าจุดปล่อยตัว เปิดเต็นท์ออกมา งานเข้าแล้วแม่ ฝนตกกกกตามพยากรณ์อากาศเป๊ะ

ตอนใกล้ 10:04 น แอบหวังเล็กๆว่าฝนจะหยุดกลางทาง ที่ไหนได้ ไม่จ้ะ ตกตลอดทางจนเข้าเส้น ตกเบาตกหนักสลับกันไปเป็นช่วงๆ ไม่ปรานีชุดที่หนักและอุ้มน้ำของพี่เลย

ปล่อยตัวไป 6 km 
อุปสรรคแรกก็บังเกิด เมื่ออยู่ๆวิ่งไป เอ้ะ ทำไมโจงกระเบนยิ่งวิ่งยิ่งไหลลงมาเรื่อยๆ เอามือไปจับที่ตะขอโจงกระเบน เอ้าาา มันหายไปปปปปไหนนน มันขาดจ้า กรี้ดดดด เหลือแค่ซิปของโจงกระเบนกับก้นใหญ่ๆของเราที่คอยรั้งไว้ นอกจากซิปที่พลอยไหลลงไหลลง ต้องเอามือไปรูดขึ้นตลอดทางแล้ว พอโจงกระเบนมันตกลงมา ทำให้ขอบโจงกระเบนตกลงพ้นจาก Bodysuit ที่ใส่กันบาด และตกลงมาเกือบถึงเข่า ซึ่งนอกจากจะทำให้พวกกากเพชรและผ้าไทยที่เลยออกมาบาดขาไปตลอดทางจนแดงและเป็นแผล(มีรูปที่ถ่ายจากรุ่นน้องไกลๆ ยังเห็นว่าขาแดง) แล้ว ยังทำให้วิ่งยากขึ้นไปอึกเพราะยกขาแล้วติด ถ้าจะไม่ติดคือต้องวิ่งยกโจงกระเบนไปอีกตลอดทาง ซึ่งไม่ไหวแน่ เอาน่ะ เลยตามเลย วิ่ง Easy Pace 5.00 ไปเรื่อยๆพอ 

เมื่อถึง km ที่ 28 (อันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับ 💩 ถ้าใครรับไม่ไหวผ่าน part นี้ไปเลย) 
ประคองPace ดีมาก Pace เฉลี่ย ณ ตอนนี้คือ 4.57 ในใจคิดจบด้วยเวลา sub 3:30 ชม สวยๆแน่ๆ รอดแล้วเรา ณ ขณะจิตนั้นเอง อุปสรรคครั้งยิ่งใหญ่และพีคที่สุดตั้งแต่เข้าวงการวิ่งมาก็บังเกิดกับข้าพเจ้า อยู่ๆก็ปวดท้อง ปวดแบบปวดมาก มากมากกก แบบไม่มี sign ใดใดมาก่อน มองห้องน้ำซ้ายมือ ชั่งใจ เอาไงดีแวะมั้ย แต่เดี๋ยวเสียเวลา ที่ผ่านมาปวดท้องแบบนี้แค่ 💨 ก็หาย แต่สิ่งที่คาดหวังกลับไม่ใช่ 💨 แต่เป็น 💩 OMG งานเข้าฉันแล้ว มันไม่ได้มาแค่ 💩 แต่เป็น 💩💩💩💩💩💩💩💩💩ใช่ค่ะ เราเพิ่งวิ่งผ่านห้องน้ำมา เราต้องอยู่ในสภาวะนี้ไปอีกอย่างน้อย 2km กว่าจะเจอห้องน้ำจุดถัดไป ได้ทำการทิ้งทุกอย่างที่ปนเปื้อนออกทั้งหมด ซึ่งใช้เวลาอยู่พอสมควร

km ที่ 30
หลังจากได้เข้าห้องน้ำแล้ว ตอนนั้นรู้สึกเลยว่าร่างกายผิดปกติแล้ว มือเท้าเย็นเฉียบ ใจพริ้วๆ หัวเย็นๆมึนๆแปลกๆ น่าจะเพราะเสียเกลือแร่ไปเยอะ มองดู Garmin โอ้ ไม่นะ HR แดงแจ๋ ขึ้นไปที่ 192 ตั้งแต่ยังไม่ออกตัวต่อ สิ่งที่เกิดขึ้นทันทีต่อจากนั้นคือ ตะคริวขึ้นท้องขวา ขึ้นแบบที่ไม่สามารถยืนยืดตัวตรงๆได้ ไม่สามารถหายใจปกติได้ ตอนนั้น HR พุ่งขึ้น 198 รู้ตัวทันทีว่าต้องหยุดพักก่อน ไม่งั้น DNF แน่ มองไปทางซ้ายมือ มีหน่วยพยาบาลพอดี เจ้าหน้าที่เดินมาถาม ไหวมั้ย พักก่อนมั้ย เลยยืนพักที่หน่วยพยาบาลอยู่ครู่ใหญ่ๆ พร้อมกับอัด เจล เม็ดเกลือ อัดทุกอย่างที่มีเหลืออยู่ในตัว และ สวดมนต์บท พาหุงมหากา ที่พี่หมอแอนได้ให้ท่องไว้ จน HR เริ่มลงจึงค่อยๆ Jog ไปต่อพร้อมกับสวดมนต์ภาวนาตั้งจิตไปเรื่อยๆ

km ที่เหลือจนถึง km ที่ 40
ตอนนั้นคือใช้ใจล้วนๆ เพราะต้องวิ่งพร้อมทั้งตะคริวที่ท้องที่ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ แถมต้องรูดซิปที่โจงกระเบนที่พลอยจะไหลลงมาเป็นระยะๆ ยังไม่รวมกับผ้าที่บาดขาจนเป็นแผลแล้ว เรียกได้ว่า ใช้กำลังภายในและกำลังใจทั้งหมดที่มีแล้วตอนนั้น 
(ถ้ามีเพื่อนๆคนไหนตะโกนเรียก ทัก ให้กำลังใจแต่เราไม่ได้หันไป ไม่ได้หยิ่งหรืออะไรนะคะ ตอนนั้นจะเป็นลมแล้วค่ะ ต้องขอโทษด้วยจริงๆค่ะ)

km ที่ 40 จนถึงเส้นชัย
วิ่งผ่านหน้า Bigben จุดที่นัดพี่ยุ้ย และพี่ๆ ททท ไว้ มองเห็นธงไทยที่มุมขวาอยู่ไกลๆ ตอนนั้นลืมตะคริวละ เหนื่อยแค่ไหนก็แล้วแต่ รู้แค่ว่าต้องรีบคว้าธงไทยออกมาโบกตอนวิ่งผ่านกองเชียร์คนไทย เลยได้เป็นภาพอย่างที่เห็น เหมือนมีแรงเฮือกสุดท้าย ก๊อกสุดท้าย หมดแล้วจริงๆ วิ่งถือธงไทยเป็นระยะๆ ตอน 500m สุดท้าย ชูธงไทยแบบมือสั่นๆเข้าเส้นชัยได้สำเร็จ  

เส้นชัย
เจอเจ้าหน้าที่ Guinness World Record รอต้อนรับแล้วให้เราไปรอตรงจุดที่เค้าจะ approve ว่าเราทำสำเร็จไหม อีกสักพักก็มีเจ้าหน้าที่เอาใบ Certificate มาให้พร้อมกับ “Congratulations, You did it” เราทำได้แล้ววววว คนไทยที่ลงสถิติเกี่ยวกับการวิ่งใน GWR ครั้งแรก

อาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่มากมายในความคิดใครหลายๆคน แต่สำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆที่เป็นนักวิ่งสมัครเล่นธรรมดาๆอย่างเรา มันยิ่งใหญ่มาก มันผ่านอุปสรรค ผ่านการฝึกซ้อมที่หนักหน่วง และอะไรมาเยอะมากจริงๆ การวิ่งครั้งนี้จะเป็นมาราธอนที่น่าจดจำและประสบการณ์ดีดีอีกครั้ง รอบหน้าขอกลับมาแก้ตัวใหม่ 🇹🇭🇹🇭🇬🇧🇬🇧

ขอบพระคุณทุกๆท่านที่มีส่วนทำให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีค่ะ รัก

สำหรับ หมอมิยู - ทันตแพทย์หญิง ชรินญา กาญจนเสวี ทันตแพทย์ประจำ โรงพยาบาลเจ้าพระยา วัย 33 ปี ผู้หลงใหลในกีฬาวิ่ง ซึ่งคุณหมอบอกว่า การวิ่ง ไม่เพียงแค่ให้สุภาพที่แข็งแรงเท่านั้น หมอมิยู มองว่า ยังให้สังคม ได้เจอคนมากมายนอกเหนือจากการทำงานในชีวิตประจำวัน เหมือนทุกคนถอดหมวก วางบทบาททุกอย่างลง และเป็นนักวิ่งเหมือนกัน ชอบในเรื่องเดียวกัน สุดท้าย คือ ได้ทำบุญช่วยเหลือโรงพยาบาล และทำให้คนในครอบครัวหันมาสนใจออกกำลังกายและมีสุขภาพดีขึ้น