โควิด-19 ส่งผลคนท้องไม่พร้อมพุ่ง
สายด่วน 1663 ระบุมาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐ ส่งผลคนท้องไม่พร้อมพุ่ง เสนอรัฐแจกอุปกรณ์ป้องกันคุมกำเนิด ขยายหน่วยบริการยุติการตั้งครรภ์ในทุกจังหวัด และจัดระบบออนไลน์
ท้องไม่พร้อมเกี่ยวอย่างไร? กับโควิด-19 เพราะดูเหมือนจะเป็นคนละเรื่อง แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นเรื่องเดียวกัน เมื่อ "สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 " ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลว่า คนท้องไม่พร้อมสูงขึ้น เนื่องจากมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของรัฐ พร้อมแนะบริการสาธารณสุขควรจัดระบบปรึกษาออนไลน์ ส่งยา เอื้อกรณีไม่สามารถเดินทางมารับบริการยุติตั้งครรภ์ได้
วันนี้ (6 ส.ค.2563) สายด่วนปรึกษาเอดส์และท้องไม่พร้อม 1663 และโครงการพัฒนาประสิทธิภาพระบบรับเรื่องร้องเรียนและช่วยเหลือติดตามคุ้มครองสิทธิ ตามพระราชบัญญัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น พ.ศ.2559 มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ โดยการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แถลงข่าว "โควิด-19 ส่งผลท้องไม่พร้อมพุ่ง แนะรัฐให้บริการออนไลน์"
ข้อมูลจากการให้บริการปรึกษาของสายด่วนฯ 1663 ช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.2563 ซึ่งเป็นช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รุนแรงในประเทศไทย พบว่า มีผู้ที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อมเพราะความยากจนเพิ่มขึ้น 41.3% และต้องการให้ส่งต่อเพื่อเข้ารับบริการยุติการตั้งครรภ์ในหน่วยบริการของรัฐเพิ่ม 22% จากสถานการณ์ปกติ
เมื่อนำข้อมูลการให้บริการสายด่วน 1663 ตั้งแต่เดือนมี.ค.-พ.ค.2563 พบว่า มีผู้หญิงท้องไม่พร้อม 565 รายที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการกักตัวและการลดการเดินทางของรัฐ ทำให้ยากต่อการเดินทางไปรับบริการยุติการตั้งครรภ์ และมี 79 ราย ที่จำเป็นต้องท้องต่อ เพราะไม่สามารถเดินทางไปยุติการตั้งครรภ์ได้
"สมวงศ์ อุไรวัฒนา" รองผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการสายด่วนฯ1663 และโครงการพัฒนาประสิทธิภาพระบบรับเรื่องร้องเรียนฯ เปิดเผยว่าสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาด เช่น การจำกัดการเดินทาง การกักตัว ทำให้ผู้ที่ประสบปัญหาท้องไม่พร้อม โดยเฉพาะผู้ที่จำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปรับบริการจากที่หน่วยบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ไม่ครอบคลุมทุกจังหวัด และเงื่อนไขการให้บริการต่างๆ
"ข้อมูลของสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ เมื่อวันที่ 21 พ.ค.หน่วยบริการยุติการตั้งครรภ์ทั้งภาครัฐ และเอกชนที่มีอยู่144 แห่งทั่วประเทศ หยุดให้บริการไป62 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน่วยบริการของภาครัฐ ทำให้ผู้หญิงที่ท้องไม่พร้อมจำนวนมากต้องเดินทางข้ามจังหวัด ข้ามภาค เพื่อไปรับบริการในหน่วยบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ยังให้บริการอยู่ ซึ่งการเดินทางเป็นไปได้ยาก เพราะขนส่งสาธารณะหยุดให้บริการและแต่ละจังหวัดมีมาตรการคัดกรอง กักตัวผู้ที่มาจากต่างพื้นที่ ทำให้ผู้หญิงจำนวนหนึ่งจำใจต้องตั้งครรภ์ต่อบนความไม่พร้อม และอีกจำนวนหนึ่งตัดสินใจสั่งยาทำแท้งทางออนไลน์ ซึ่งเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัย"สมวงศ์ กล่าว
หากต้องการให้เด็กเกิดอย่างมีคุณภาพและไม่สูญเสียจากทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย บริการด้านอนามัยเจริญพันธุ์จะต้องมีอยู่ตลอด
รองผู้อำนวยการมูลนิธิฯ กล่าวต่อว่าสายด่วนฯ มีข้อเสนอต่อรัฐเกี่ยวกับบริการอนามัยเจริญพันธุ์ กรณีเกิดสถานการณ์โรคระบาด ดังนี้ เมื่อเกิดสถานการณ์การระบาดของโรค หรือความจำเป็นใดๆ รัฐต้องเพิ่มบริการการเข้าถึงการคุมกำเนิดและการป้องกันโรค เช่น การสำรวจและแจกอุปกรณ์คุมกำเนิดให้กับทุกครอบครัว
กระทรวงสาธารณสุขต้องขยายหน่วยบริการที่ให้บริการยุติการตั้งครรภ์ในทุกจังหวัด และพัฒนาระบบเพื่อเพิ่มทางเลือกให้คนเข้าถึงสิทธิ ประโยชน์ได้ เช่น การส่งยาทางไปรษณีย์ หรือ เทเลเมดิซีน การให้บริการผ่านระบบเวชกรรม ทั้งบริการยุติการตั้งครรภ์ และการคุมกำเนิด