'นมแม่' วัคซีนหยดแรกเพื่อลูกรัก
นอกจาก "นมแม่" จะเป็นแหล่งรวมสารอาหารสำคัญของลูกน้อยแล้ว ยังเสมือน 'วัคซีน' หยดแรก ที่ทำหน้าที่ป้องกันเชื้อโรค
กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เผยถึงประโยชน์ของการเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมแม่ 'นมแม่' เปรียบเสมือนวัคซีนสำคัญเป็นเกราะป้องกันเชื้อโรค และยังเป็นยาดีสำหรับการเจริญเติบโตของลูกน้อย
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ ให้ข้อมูลว่า น้ำนมแม่มีประโยชน์มหาศาล เป็นยาดีชั้นเลิศที่ช่วยให้ลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันที่ดี เจริญเติบโตสมวัย ทั้งยังได้รับความอบอุ่นจากอกมารดา และที่สำคัญช่วยลดอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตจากโรคท้องเสียติดเชื้อ ลดการติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง ลดความรุนแรงจากอาการป่วยด้วยโรคหลอดลมฝอยอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัส RSV
"การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่นั้น เป็นโอกาสทองที่สร้างสายใยรักที่ดีให้แก่ครอบครัว คุณพ่อก็สามารถช่วยเลี้ยงดูได้ และอยากให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวจนถึงอายุ 6 เดือน หลัง 6 เดือนให้รับอาหารเสริมตามวัยควบคู่กับนมแม่จนถึง 2 ขวบหรือนานกว่านั้น"
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้กับบุคลากร และประชาชนทั่วไป โดยมีคลินิกนมแม่ให้บริการและให้คำปรึกษาสำหรับมารดาที่มีปัญหาการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และให้ความรู้เรื่องประโยชน์ของนมแม่ โดยเฉพาะน้ำนมในช่วงแรกที่เรียกว่า 'โคลอสตรัม' หรือน้ำนมเหลือง เปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกของลูกสร้างภูมิคุ้มกัน มีสารอาหารเหมาะสมกับทารกมากที่สุด สูงสมวัย เพราะมีสารอาหารสำคัญครบถ้วนมากกว่า 200 ชนิด
เด็กควรได้กินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือน โดยไม่ต้องให้น้ำหรืออาหารอื่น เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่มีสารอาหารเพียงพอ ย่อยง่ายและถูกสร้างมาให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของทารก ซึ่งระบบการย่อยและดูดซึมอาหารยังพัฒนาไม่เต็มที่ หลังจากทารกอายุครบ 6 เดือน ระบบย่อยและดูดซึมอาหารพัฒนาได้สมบูรณ์มากขึ้น จึงให้เริ่มอาหารที่เหมาะสมตามวัย เช่น กล้วยน้ำว้า ไข่ ข้าว ผัก ผลไม้ และยังคงให้กินนมแม่ต่อเนื่องควบคู่ไปจนถึงอายุ 2 ปีหรือนานกว่านั้น เพื่อช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตได้อย่างสมวัย