เทคนิคผ่าตัด"ข้อสะโพก-ข้อเข่าเทียม" เดินได้ใน 24 ชม.
รพ. กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล เผยความสำเร็จ ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม-ข้อเข่าเทียม ใช้คอมพิวเตอร์นำวิถี ไม่ต้องเจาะกระดูกผู้ป่วย เทคนิคระงับปวด เดินได้ใน24ชั่วโมง เจ็บน้อยและฟื้นตัวไว ช่วยคืนการเคลื่อนไหว
การผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมด้วยเทคนิคไม่ตัดกล้ามเนื้อ (Direct Anterior Approach: DAA) และการเปลี่ยนข้อเข่าเทียมด้วยเทคนิคใหม่ ระงับปวด Radiofrequency นั้น
นพ.พนธกร พานิชกุล ศัลยแพทย์ออโธปิดิกส์ เฉพาะทางด้านการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียมแนวใหม่แบบไม่ตัดกล้ามเนื้อ โรงพยาบาลกรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ทาง รพ. กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล ให้การดูแลรักษาโรคข้อสะโพกและข้อเข่าอย่างครอบคลุม (Total Joint Care) ในส่วนของการรักษาข้อสะโพกนฝริเริ่มนำ เทคนิคการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแนวใหม่แบบไม่ตัดกล้ามเนื้อ มาใช้ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยได้ทำการผ่าตัดผู้ป่วยเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมด้วยเทคนิคนี้ ไปแล้วกว่า 500 ราย พบว่า ผู้ป่วยทุกรายสามารถฟื้นตัวได้ไว เดินได้ตั้งแต่วันที่ผ่าตัด มีแผลผ่าตัดขนาดเล็ก มีระดับความเจ็บปวดหลังผ่าตัดที่น้อยมากและประสบผลสำเร็จในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียม 2 ข้างพร้อมกันให้แก่ผู้ป่วยไปทั้งหมด 52 ราย ไม่พบว่ามีหลุดของข้อสะโพกหรือผลแทรกซ้อนที่ต้องมีการผ่าตัดซ้ำแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังประสบความสำเร็จในการนำเทคนิคการผ่าตัดนี้ มาใช้ในการผ่าตัดซ่อมแซมและแก้ไขข้อสะโพกเทียมที่เสียหาย สึกหรอ จากการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมในอดีต (Revision) ให้แก่ผู้ป่วยอีกหลายสิบรายอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดแก้ไขข้อสะโพกเทียมสึกหรอ เสื่อมจากการใช้งาน ขายาวไม่เท่ากันหลังผ่าตัด ข้อสะโพกเทียมหลวม หลุด แตกหัก หรือติดเชื้อ เป็นต้น
เทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแนวใหม่แบบไม่ตัดกล้ามเนื้อในเอเชียแปซิฟิก โดยศัลยแพทย์จะใช้เทคโนโลยีการผ่าตัดด้วยคอมพิวเตอร์นำวิถีรุ่นใหม่ เรียกว่า JointPoint™ ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแนวใหม่แบบไม่ตัดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ เพื่อช่วยระบุตำแหน่งของข้อสะโพกเทียมในขณะผ่าตัดให้แม่นยำมากขึ้น เลือกขนาดและวัสดุของข้อเทียมให้เหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล และยังสามารถช่วยผ่าตัดให้ผู้ป่วยมีความยาวขาทั้งสองข้างให้เท่ากันหลังผ่าตัดอีกด้วย ซึ่งเทคโนโลยีตัวนี้จะไม่มีความจำเป็นต้องเจาะกระดูกของผู้ป่วยเหมือนระบบคอมพิวเตอร์นำวิถีหรือหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัดรุ่นอื่นๆในอดีต ทำให้ผู้ป่วยมีการบาดเจ็บที่น้อยลงและฟื้นตัวได้ไวกว่าเดิม และเป็นผู้ริเริ่มนำข้อสะโพกเทียมรุ่นใหม่ ที่เรียกว่า Actis® Total Hip System ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแนวใหม่แบบไม่ตัดกล้ามเนื้อมาใช้ ซึ่งตัวข้อเทียมจะมีผิวสัมผัสที่ทำให้กระดูกเข้าไปยึดติดกับข้อสะโพกเทียมได้ดีขึ้นกว่าเดิม มีจะงอย (Collar) ที่สามารถป้องกันไม่ให้ข้อสะโพกเทียมจมหลังผ่าตัด และสามารถลดผลแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นในขณะผ่าตัดลงได้ ทำให้การผ่าตัดประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
อีกทั้ง ใช้เทคนิคการลงแผลแบบใหม่ จะมีการการซ่อนแผลผ่าตัดใต้ต่อขาหนีบหรือที่เรียกว่า BIKINI Incision ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบแผลเล็ก (Minimally Invasive Surgery: MIS) ที่สำคัญการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแนวใหม่ แบบไม่ตัดกล้ามเนื้อ ด้วยเทคนิคซ่อนแผลผ่าตัด แนบเนียน เพราะแผลผ่าตัดขนาดเล็กจะอยู่ด้านหน้าบริเวณขาหนีบ ซ่อนใต้แนวกางเกงใน ทำให้ไม่เห็นรอยแผลเมื่อใส่กางเกงขาสั้นหรือชุดว่ายน้ำ ซึ่งเทคนิคนี้มีข้อดีกว่าการผ่าตัดแบบดั้งเดิม เช่น ผู้ป่วยมีอาการปวดลดลง ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้ไวขึ้น เดินได้ทันทีหลังการผ่าตัดเนื่องจากไม่มีการตัดกล้ามเนื้อ ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดสามารถวางตำแหน่งข้อสะโพกเทียมได้ดีขึ้น อัตราการหลุดของข้อสะโพกเทียมต่ำมาก มีความยาวขาที่เท่ากันหลังผ่าตัด มีขนาดแผลที่เล็ก สวยงาม สามารถซ่อนแผลผ่าตัดใต้ขาหนีบ และยังสามารถทำการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมได้ทั้งสองข้างพร้อมกันอีกด้วย
นพ.ศริษฏ์ หงษ์วิไล ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เฉพาะทางด้านผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพก กล่าวว่า สำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมด้วยเทคนิคระงับความปวดรูปแบบใหม่ เราได้รับการรับรองมาตรฐานจากสถาบัน Joint Commission International (JCI) ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ให้การรับรองมาตรฐาน คุณภาพ และความปลอดภัยของโปรแกรมการผ่าตัดข้อเข่าเทียม โดยผู้ป่วยที่เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมที่รพ.กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนลที่ผ่านมา มากกว่า 500 ราย ทุกรายสามารถเดินได้ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยสามารถงอเข่าได้มากกว่า 90 องศาก่อนกลับบ้าน มีอัตราความพึงพอใจในการรักษาที่สูงมาก(99%) เราใช้โปรแกรมการรักษาที่ออกแบบเฉพาะบุคคล (Customize Service) เพื่อตอบสนองคนไข้ที่มีสภาวะต่างกัน
เริ่มตั้งแต่ก่อนผ่าตัด นำ Digital Template ช่วยวางแผนหาขนาดของข้อเข่าเทียมที่เหมาะสม รวมทั้งกระดูกที่จะถูกตัดออกว่าจะหนาบาง เล็กใหญ่ขนาดไหน และต้องเอียงทำมุมเท่าใด โดยเฉพาะกรณีที่มีความวิกลรูปผิดปกติมาก หรือกรณีที่เคยมีกระดูกหัก เคยผ่าตัดมาก่อน เราจะใช้เครื่องเอกซเรย์สองแกน Biplane Imaging (EOS) สแกนตั้งแต่กระดูกสันหลังจนถึงปลายเท้าเพื่อสร้างภาพสามมิติออกมาช่วยวางแผนก่อนการผ่าตัด มีการใช้เทคนิคระงับปวดระหว่างการผ่าตัดและช่วงที่อยู่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นเทคนิคที่เราริเริ่มนำมาใช้ในประเทศไทย เช่น การใช้จี้คลื่นวิทยุความถี่สูงที่เส้นประสาทรอบข้อเข่า (radiofrequency ablation) ทำให้ผู้ป่วยแทบจะไม่มีอาการปวดหลังผ่าตัดเลย จึงมีการฟื้นตัวที่รวดเร็วมาก
อย่างไรก็ตามผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมไม่ใช่ทุกรายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เราเน้นรักษาตามระยะของโรค ถ้ายังสามารถใช้เข่าในสภาวะเข่าเสื่อมที่ยังไม่รุนแรงได้ ก็จะแนะนำให้เปลี่ยนวิธีการใช้งาน เช่น ห้ามนั่งคุกเข่า หรือนั่งยองๆ และควรเลือกเล่นกีฬาที่มีการกระแทกของข้อเข่าน้อย เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว ขี่จักรยาน เวลานั่งทำงานปรับที่นั่งให้สูงเพื่อให้เข่าได้เหยียดเต็มที่ หากต้องนานๆ ควรพักเข่าด้วยการเหยียดเข่าตรงในท่านั่งแล้วนับ 1-10 เพื่อให้กล้ามเนื้อหน้าขาแข็งแรงขึ้นทำประมาณ 20-30 ครั้ง ต้องควบคุมน้ำหนัก ถ้าข้อเข่าเสื่อมที่ยังเป็นไม่มากเราสามารถรักษาด้วยการทานยาตามอาการ และการฉีดน้ำหล่อเลี้ยงข้อเทียมเพื่อช่วยลดการเสียดสีของข้อเข่า หรือฉีดยาสเตียรอยด์ในปริมาณที่จำกัดได้ แต่ถ้าการรักษาที่ว่ามาทั้งหมดไม่ได้ผลก็ต้องเข้ารับการผ่าตัด
นพ.มาร์วิน เทพโสพรรณ วิสัญญีแพทย์และแพทย์เฉพาะทางด้านระงับปวด กล่าวว่า ความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ถือเป็นหนึ่งในสิ่งที่คนไข้กังวล เราได้นำเทคนิคการระงับความเจ็บปวดหลากหลายชนิดเข้ามาใช้ในผู้ป่วยหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยาหลากหลายกลุ่มร่วมกัน มีการบริหารยาลดความเจ็บปวดโดยการบล๊อคหลังตามทั่วไป รวมกับการให้ยาระงับความรู้สึกเฉพาะส่วนที่จำเพาะเจาะจงกับหัวเข่า โดยการใส่สายเพื่อให้ยาชาในช่องแอดดั๊กเตอร์ที่บริเวณต้นขา เพื่อลดระดับความปวด โดยจะให้ยาชาเข้าไปที่เส้นประสาทที่เลี้ยงข้อเข่าและให้ยาชาต่อเนื่องแบบช้าๆ ซึ่งการให้การระงับความรู้สึกวิธีนี้ทำให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่กล้ามเนื้อยังทำงานได้ทำให้ผู้ป่วยสามารถทำกายภาพบำบัดได้เร็วขึ้นอย่างมาก การทำกายภาพบำบัดที่ดีนี้ เป็นจุดสำคัญมากๆที่จะทำให้การรักษาประสบความสำเร็จ โดยที่ รพ. กรุงเทพอินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ป่วยสามารถเดินได้ทันที 2-3 ชั่วโมงหลังผ่าตัด โดยที่ไม่มีอาการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อเหมือนการระงับปวดชนิดอื่นๆ
นอกจากนี้ในผู้ป่วยที่กลัวความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดมากๆ เทคนิคการจี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงที่เส้นประสาทรอบข้อเข่า (radiofrequency ablation) สามารถควบคุมความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดได้ดีกว่าและนานกว่าเป็นระยะเวลายาวนานหลายเดือนจนถึงปี หลักการการรักษานี้ทำโดยการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงจี้ที่เส้นประสาทที่รับความรู้สึกเจ็บปวด ทำให้เกิดความร้อนที่เส้นประสาทจนหยุดการทำงานไม่สามารถส่งกระแสความรู้สึกไปยังสมองได้ การรักษาทำโดยการใส่เข็มชนิดพิเศษบริเวณรอบเข่า 3 จุด ร่วมกับ x-ray และ ultrasound นำทางเข็ม เพื่อความถูกต้องและแม่นยำสูงสุด โดยการรักษาจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ในวิธีการจี้คลื่นวิทยุแบบมาตรฐาน (conventional radiofrequency) จะเป็นการใช้คลื่นวิทยุความถี่สูงที่ให้พลังงานความร้อนอยู่ที่ 80 องศาเซลเซียส แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน มีการพัฒนาให้คลื่นพลังงานมีอุณหภูมิลดลงด้วยระบบ water-cooled technology โดยมีอุณหภูมิอยู่ที่ 60 องศาเซลเซียส มีผลให้ประสิทธิในการรักษาภาพสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดที่ลดน้อยลงมาก และฟื้นตัวได้ไวมากยิ่งขึ้น การจี้คลื่นวิทยุรอบหัวเข่าสามารถทำได้ในหลายกรณี ทั้งในผู้ป่วยที่มีข้อห้ามในการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าแต่มีความเจ็บปวดทรมานที่ีมีต้นเหตุมาจากข้อเข่า หรือผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บเรื้อรังใดๆ ของข้อเข่าที่ไม่สามารถรักษาด้วยการผ่าตัดได้
การให้การดูแลความเจ็บปวดสำหรับการผ่าตัดข้อสะโพกปัจจุบันได้ผลดีมาก โดยเฉพาะการทำร่วมกับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกเทียมแนวใหม่แบบไม่ตัดกล้ามเนื้อ (DAA) การให้การระงับความรู้สึกแบบต่อเนื่องในช่อง Fascia iliaca ทำให้เส้นประสาทหลายๆ เส้นที่ไปเลี้ยงสะโพกไม่ทำงานระหว่างการให้ยา ช่วงหลังการผ่าตัดจน 2-3 วัน ผู้ป่วยจะสามารถทำกายภาพบำบัดและพักฟื้นได้อย่างเต็มที่โดยแทบจะไม่ต้องกังวลเรื่องความปวด