โควิด-19 โอกาสสร้างความเชื่อมั่นการแพทย์ไทย
แม้โควิด-19 ส่งผลให้ผู้ป่วยมา รพ.น้อยลง โดยเฉพาะ รพ.ที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน รัฐบาลมีการอนุญาตให้ผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาตัว ในโรงพยาบาลที่สมัครเข้าร่วมเป็น AHQ ทำให้แนวโน้มตลาดการแพทย์ดีขึ้นในไตรมาส 4
“นพ. พิสุทธิ์ พรหมลิขิตชัย” รองผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์และกรรมการบริหาร รพ.สินแพทย์ กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจทางการแพทย์ในช่วงที่โควิด-19 ระบาด อาจจะเติบโตช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้แต่จากความคืบหน้าวัคซีนโควิด-19 ที่คาดว่าจะออกมาประมาณปลายปีหน้า คิดว่าหลังจากนี้ไป ภาพรวมของธุรกิจด้านสุขภาพ โรงพยาบาล น่าจะฟื้นค่อนข้างเร็วกว่าภาคธุรกิจอื่นๆ
อีกทั้งเมื่อประเทศไทยมีเป้าหมายสู่การเป็น Medical Hub การระบาดของโควิด-19 แม้จะเป็นวิกฤติ แต่ก็ถือเป็นโอกาสในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั่วโลก ซึ่งหลายประเทศที่เฝ้ามองเห็นแล้วว่าไทยมีศักยภาพในการดูแลรักษาค่อนข้างดี อัตราการติดเชื้อต่ำ และอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก หมายความว่า วิชาการทางด้านการแพทย์ของไทย และการป้องกันโรคมีประสิทธิภาพ พอพ้นระยะโควิด-19 ไป คาดว่าการฟื้นตัวของธุรกิจด้านสุขภาพค่อนข้างฟื้นตัวได้เร็ว
“ช่วงที่แย่สุดคือ ไตรมาส 1 – 2 ซึ่งเป็นช่วงที่โควิด-19 ระบาดใหม่ ขณะที่แนวโน้มในไตรมาส 4 น่าจะดีขึ้น เพราะการฟื้นตัวของ รพ. สินแพทย์เอง อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ ผู้ป่วยกลับมาราว 80% เนื่องจาก รพ.สินแพทย์ ได้ปรับตัวตั้งแต่เริ่มต้น เพราะประชาชนค่อนข้างกังวล กลัวการมา รพ. จึงทำการแยกโซน คนไข้ชัดเจนทั้ง คลินิกระบบทางเดินหายใจ เพื่อให้คนไข้ทั่วไปค่อนข้างมั่นใจกลับมาใช้บริการ รวมถึง แยกโซนวัคซีนสำหรับเด็ก และคลินิกปลอดเชื้อ ที่ไม่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอีกส่วนหนึ่ง ทำให้ผู้ป่วยที่มาใช้บริการมั่นใจในความปลอดภัย”
ปัจจุบัน รพ.สินแพทย์ มี รพ.ในเครือทั้งหมด 5 แห่ง ได้แก่ รพ.สินแพทย์ รามอินทรา , รพ.สินแพทย์ ลำลูกกา , รพ.สินแพทย์ เสรีลักษณ์ , รพ.สินแพทย์ ศรีนครินทร์ , รพ.สินแพทย์ เทพารักษ์ จ.สมุนทรปราการ และ รพ.สินแพทย์กาญจนบุรี ซึ่งเป็น รพ.น้องใหม่ในเครือ แนวโน้มในอนาคตมีแผนจะเปิด รพ. ในกรุงเทพฯ ชั้นในมากขึ้น บนถนน นางลิ้นจี่ รวมถึงมีแผนสร้างเมดิคอล คอมเพลค ที่ รพ.สินแพทย์ รามอินทรา ซึ่งเป็นศูนย์การรักษาโรคเฉพาะทางต่างๆ ในปีหน้า
ทั้งนี้ แม้ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยมากกว่า 90% ทาง รพ. ได้เตรียมพร้อมเปิดตลาดผู้ป่วยต่างชาติ โดยนำร่อง รพ.สินแพทย์ ศรีนครินทร์ ซึ่งมีความพร้อม เข้าร่วมเป็นสถานกักกันในโรงพยาบาลทางเลือก (Alternative Hospital Quarantine) มาแล้วราว 1 เดือน สามารถรองรับได้ 20 เตียง
โดยวางมาตรการตั้งแต่กระบวนการคัดกรอง การจัดสถานที่พักฟื้น มีส่วนให้ญาติพักได้ อาคารต้องแยกชั้นจากผู้ป่วยทั่วไปชัดเจน และระบบการระบายอากาศต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่รัฐบาลกำหนดไว้ และสามารถขยายตึกเพิ่มเติมได้ เนื่องจากเปิดใหม่และมีพื้นที่ค่อนข้างมาก ขณะเดียวกัน ด้านบุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับการอบรมเพิ่มเติม ในการดูแลคนไข้อย่างไรให้ปลอดภัย และป้องกันตนเอง อีกทั้ง ทีมแพทย์และพยาบาล มีการอบรมความรู้ให้ทันสมัย สม่ำเสมอ ถึงแม้ไม่มีโควิด-19 ก็ตาม
นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับโรงแรมที่เปิดเป็น ASQ (Alternative State Quarantine) จำนวน 2 แห่ง ดูแลราว 500 คน และอยู่ระหว่างการดำเนินงานอีก 2 แห่ง รองรับได้ราว 200 คน รวมถึง รพ.สินแพทย์ เทพารักษ์ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ ASQ อีก 1 แห่ง ดูแลผู้กักตัวราว 70 คน
“เนื่องจาก รพ.สินแพทย์ ดูแลทั้งคนไข้ชาวไทยและต่างชาติ แต่ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยมากกว่า 90% ขณะเดียวกันก็มีเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนคนไข้ต่างชาติมากขึ้น โดยที่ผ่านมา รพ. ได้รับมาตรฐาน JCI (Joint Commission International) และได้รับการรับรองเป็นครั้งที่ 3 จากเป้าหมายของ รพ. ที่จะเปิดตลาดต่างชาติมากขึ้น จึงต้องสร้างมาตรฐาน เพื่อให้ต่างชาติรู้จัก แบรนด์ รพ. สินแพทย์ให้มากขึ้นกว่าเดิม” นพ.พิสุทธิ์ กล่าว
หากในอนาคต มีการเดินทางเข้ามาของ Medical Tourism มายิ่งขึ้น รวมถึงการผลักดันการแพทย์ไทย นพ.พิสุทธิ์ มองว่า หากคนไข้ต่างชาติให้ความสนใจเข้ามารักษา และ ท่องเที่ยว ถือเป็นสิ่งที่ช่วยภาวะเศรษฐกิจไทย และหากภาครัฐส่งเสริมในด้านนี้ ถือเป็นโอกาสให้สถานพยาบาลในประเทศไทยมากขึ้น เพราะทีมแพทย์ชาวไทยมีศักยภาพ และความพร้อมในการดูแลรักษาไม่แพ้ที่ใดในโลก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา รพ.สินแพทย์ให้บริการตรวจโควิด-19 เป็นลักษณะของไดรฟ์ทรู โดยรายงานผลผ่านทาง SMS กรณีหากมีการติดเชื้อ ทาง รพ.สินแพทย์ จะส่งรถรพ.ไปรับที่บ้าน และส่งต่อให้กับ รพ.วิภาราม ชัยปราการ ซึ่งเป็น รพ.ในเครือ ดังนั้น คนไข้โควิด-19 ที่ติดเชื้อ จะไม่ได้รักษาร่วมกับคนไข้คนอื่นๆ ที่ผ่านมาตรวจพบประมาณ 10 ราย และขณะนี้ ยังเปิดให้บริการตรวจโควิด-19 อยู่ สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ และ ตรวจคนงานสำหรับโรงงานที่ต้องการความปลอดภัย โดยให้บริการเหมือนกันทั้ง 5 สาขา