ชวนเด็กแปรงฟัน 2 นาที ทั่วทั้งปาก ทุกซี่ ทุกด้าน ป้องกันฟันผุ
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข รณรงค์ให้เด็กในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย แปรงฟันนาน 2 นาที ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ให้สะอาด ทั่วทั้งปาก ทุกซี่ ทุกด้าน เพื่อป้องกันฟันผุ
วันนี้ (17 กุมภาพันธ์ 2564) นพ.อรรถพล แก้วสัมฤทธิ์ รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ "ขยับแปรง 2 นาที" ในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัยเป็นสถานที่สำคัญในการดูแลสุขภาพเด็กปฐมวัยให้มีพัฒนาการสมวัย สูงดีสมส่วน เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสถานพัฒนา เด็กปฐมวัยแห่งชาติ
กระทรวงสาธารณสุข กรมอนามัยจึงขับเคลื่อนการส่งเสริมคุณภาพสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย ด้านสุขภาพเด็ก หรือ 4D อันประกอบด้วย 1) ด้านโภชนาการและการเจริญเติบโต (Diet) 2) ด้านพัฒนาการ (Development & play) 3) ด้านทันตสุขภาพ (Dental) และ 4) ด้านการป้องกันโรค (Diseases) ภายใต้กิจกรรม กิน กอด เล่น เล่า นอน เฝ้าดูฟัน โดยในส่วนของการส่งเสริมด้านทันตสุขภาพนั้น มีเป้าหมายให้เด็กปฐมวัยมีสุขภาพ ช่องปากดี ปราศจากฟันผุ
โดยกำหนดให้เด็กในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยทุกคนต้องแปรงฟันหลังอาหารกลางวันทุกวันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ มีการตรวจประเมินสุขภาพช่องปากเด็กโดยครูผู้ดูแลเด็ก และจัดอาหารที่ส่งเสริมสุขภาพช่องปากแก่เด็ก ซึ่งจากการศึกษาของกรมอนามัย เรื่องพัฒนาการของเด็กปฐมวัยไทยล่าสุด พบว่า เด็กปฐมวัยที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก มีโอกาสที่จะพัฒนาการสมวัยต่ำกว่าเด็กที่ไม่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก 1.43 เท่า และพบพัฒนาการด้านภาษาช้า ไม่กล้าสื่อสารกับผู้อื่น เพราะออกเสียงไม่ชัดเจน หรือกำลังเจ็บปวดจากปัญหาในช่องปาก นอกจากนี้ เด็กที่มีฟันน้ำนมผุ เมื่อโตขึ้นมักพบว่ามีฟันแท้ผุไปด้วย เนื่องจากเด็กที่มีฟันผุจะมีเชื้อก่อโรคฟันผุในช่องปากมากกว่าปกติ ซึ่งจะส่งผลให้ฟันแท้ที่กำลังจะขึ้นใหม่นั้นผุได้เช่นเดียวกัน
“ทั้งนี้ เด็กในสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่มีการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ควรขยับแปรงให้นาน 2 นาที เพื่อให้แปรงฟันได้สะอาดทั่วทั้งปาก ทุกซี่ ทุกด้าน และเป็นการให้เวลาฟลูออไรด์ในยาสีฟันจับกับผิวเคลือบฟันเพื่อป้องกันฟันผุ อีกทั้งเป็นการฝึกให้เด็กรู้จักแปรงฟันตนเอง และเรียนรู้ว่าการแปรงฟันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน เมื่อเด็กแปรงฟันเป็นประจำจะเคยชินกับการมีสภาพช่องปากสะอาด เกิดการเรียนรู้ว่าการแปรงฟันเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน พัฒนาให้เป็นสุขนิสัยและเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการแปรงฟัน ควรมีผู้ใหญ่หรือครูผู้ดูแลเด็กตรวจความสะอาดหลังการแปรงฟันด้วย” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว
ทพ.ญ.ปิยะธิดา ประเสริฐสม ผู้อำนวยการสำนักทันตสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า จากการสำรวจสภาวะสุขภาพช่องปากแห่งชาติ ครั้งที่ 8 ประเทศไทย พบความชุกโรคฟันผุในเด็กอายุ 3 ปี ร้อยละ 52.9 และเด็กอายุ 5 ปี ร้อยละ 75.6 โดยสาเหตุหลักของการเกิดฟันผุในเด็กปฐมวัยเกิดจากพฤติกรรมการเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม เช่น การปล่อยให้เด็กหลับคาขวดนมหลังจากฟันน้ำนมขึ้นในช่องปากแล้ว
การให้เด็กกินขนมหรือนมที่มีรสหวานเป็นประจำ และผู้ปกครองไม่ได้เริ่มแปรงฟันตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น หรือละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากของเด็ก จึงส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและสุขภาพช่องปากของเด็กในอนาคต เพราะการมีฟันน้ำนมผุลึก จะทำให้เด็กมีอาการปวดฟัน เคี้ยวอาหารไม่ได้ ร่างกายจะได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน ส่งผลต่อการเจริญเติบโต เด็กจะมีน้ำหนักและส่วนสูงน้อย อีกทั้งอาการปวดฟันยังส่งผลให้เด็กนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ มีพัฒนาการบางด้านไม่สมวัย หรือมีพัฒนาการด้อยกว่า เด็ก ๆ ที่มีฟันดี ดังนั้น การดูแลสุขภาพช่องปากเด็กปฐมวัย จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญตั้งแต่เด็กเพื่อลดปัญหาฟันผุ เมื่อโตขึ้น