หลวงพี่ในชุดPPE อาตมาก็กลัวตาย แต่‘พระไม่ทิ้งโยม’
แม้รัฐบาลจะทิ้งเรา แต่“พระไม่ทิ้งโยม” พระสะพายย่ามเหลืองในชุด PPE นำทีมออกไปตรวจหาเชื้อ“โควิด”ให้คนในชุมชน และอีกหลายเรื่องที่ทำ เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อเยอะ แล้วพระเข้าไปช่วยโยมอย่างไรบ้าง
"อาตมาไม่สามารถทนดูญาติโยมที่ใส่บาตรทุกวัน ติดเชื้อโควิด หรือทยอยตายทีละคน สองคน มันเป็นเรื่องใกล้ตัว วัดสุทธิวรารามก็เผาศพผู้ป่วยโควิดไปแล้วกว่า 50 ราย เฉพาะเดือนกรกฎาคม ยังไม่ครบเดือน เผาไปแล้ว 20 ราย" พระมหาพร้อมพงศ์ ปภสฺสรจิตฺโต ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทธิวราราม เล่าในช่วงที่เคลียร์งานเสร็จแล้ว
ท่านเป็นพระรูปหนึ่งที่บวชเรียนมานาน และสนใจงานเพื่อสังคมและชุมชน ท่านบวชเณรตั้งแต่อายุ 12 ปี จากนั้นอายุ 19 ปีศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกบาลี จนจบการศึกษานักธรรมชั้นเอก และเปรียบธรรม 3 ประโยค รวมถึงใฝ่หาความรู้ เรียนจบปริญญาโทและปริญญาเอก ด้านพัฒนาชุมชน คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
พระมหาพร้อมพงศ์ นำทีมอาสา “พระไม่ทิ้งโยม” ออกช่วยเหลือชุมชนในพื้นที่ใกล้วัด ในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยพระสุธีรัตนบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดสุทธิวรารามให้การสนับสนุน ตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม 2564 โดยนำรถออกตระเวนในพื้นที่ใกล้ๆ ระยะไม่เกิน 10 กิโลเมตรจากวัด แบ่งการทำงานออกเป็นสองช่วงคือเวลา 10.30 น.และ 15.30 น.
ในรถที่ตระเวนช่วยคนในชุมชน จะมีทั้งอาหาร นม สิ่งของ อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องตรวจวัดออกซิเจนปลายนิ้ว ยารักษาโรค และชุดตรวจแบบ Rapid Test เพื่อคัดกรองผู้ติดโควิดเบื้องต้น
ถ้าเจอผู้ป่วยอาการหนัก นอกจากช่วยกันนำถังออกซิเจนช่วยเหลือแล้ว ยังช่วยประสานไปยังศูนย์พักคอย และแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือ รวมถึงทีมอาสายังคอยให้คำแนะนำการดูแลตัวเองเมื่อติดเชื้อโควิด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก
‘พระไม่ทิ้งโยม’แล้วช่วยโยมอย่างไร
เวลาลงพื้นที่ในชุมชน พระมหาพร้อมพงศ์ จะสวมชุด PPE ทับจีวรสีเหลือง และใส่หน้ากาก แม้บางครั้งท่านจะสะพายย่ามสีเหลือง แต่คนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ว่า นั่นคือพระ
ก่อนจะรวบรวมทีมอาสามาช่วยทำโครงการ พระไม่ทิ้งโยม ทางวัดสุทธิวราราม ได้ทำศูนย์พักคอยไว้ 122 เตียง ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2564 มีพยาบาล และทีมงานช่วยกันดูแล
พระมหาพร้อมพงศ์ เล่าว่า ยังมีคนติดเชื้อโควิดในชุมชนอีกมากที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการของรัฐ
“ตอนอาตมาเจอกลุ่มแรงงานต่างด้าว แถวองค์การสะพานปลา เราช่วยกันใช้ชุดตรวจ Rapid Test คัดกรองผู้ติดโควิดจาก 50 คนมีผู้ติดเชื้อ 29 คน ตอนนั้นพวกเขาไม่สามารถเข้าระบบได้ เราก็คุยกับเจ้าของว่า มีสถานที่กักตัวให้ไหม เรานำอาหาร และยาเข้าไปช่วย บางครั้งก็มีบุคลากรทางการแพทย์ไปด้วย ถ้าเจอเคสอาการหนักๆ จะประสานไปที่แพทย์”
เมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ พระมหาพร้อมพงศ์ เล่าว่า บ้านพักอาศัยส่วนใหญ่ทั้งแคบและเล็ก บางบ้านมีพื้นที่แค่ 15 ตารางเมตร อยู่รวมกันหลายคน จึงไม่แปลกที่ติดเชื้อยกครอบครัว และส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ในการดูแลตัวเอง
"เราพยายามแยกผู้ป่วยโควิดสีเขียวออกจากครอบครัวและชุมชน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อ พยายามให้กักตัวที่บ้านหรือศูนย์พักคอยที่วัดจัดไว้ มีแพทย์อาสาดูแลเป็นช่วงๆ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ"
อาตมาก็กลัวตาย แต่‘พระไม่ทิ้งโยม’
หากถามว่า พระและทีมอาสา 15 คนกลัวติดเชื้อไหม
ไม่ต้องสงสัยเลย เขาก็ไม่ต่างจากพวกเรา ดังนั้นทุกๆ 3 วันทุกคนจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดแบบง่ายๆ เรื่องนี้ พระมหาพร้อมพงศ์ เล่าว่า ในความเป็นมนุษย์ เราก็กลัว ก็ต้องก้าวข้ามความตายไปให้ได้
"อาตมาฉีดวัคซีนสองเข็มแล้ว แต่เป็นซิโนแวค มีภูมิคุ้มกันอยู่บ้าง เราพอมีองค์ความรู้ป้องกันโควิดระดับหนึ่ง เราเข้าไปในชุมชน ทั้งเขตยานนาวา สาธร บางคอแหลม บางรัก บางบอน เราพบว่า บางคนไม่มีความรู้เรื่องโควิดเลย พอตรวจเจอเชื้อ โทรหาเราทันที ถามเราว่าต้องประสานไปที่ไหน จะรักษา ต้องกินยาอย่างไร
ตอนที่เราโพสต์ว่าเรามีโครงการพระไม่ทิ้งโยม จะลงไปเยี่ยมชุมชน10 กว่าแห่ง มีคนโทรหาเราเยอะมาก ลงไปชุมชนครั้งแรกเจอผู้ป่วยติดเชื้อ 22 คน มีผู้หญิงท้องเป็นวัณโรคด้วย บางวันเราไปที่แถวมัสยิดฯเจอผู้ติดเชื้ออีก 15 คน เราไปวัดไข้ให้ ให้ยา วัดค่าออกซิเจนในเลือด บางวันตรวจหาเชื้อแบบง่ายๆ เยอะสุดพบผู้ติดเชื้อ 150 กว่าคน"
“แม้จะกลัว แต่เรามีความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์ อยากให้เขาพ้นทุกข์ ทุกข์กายจากโรคโควิด พอเขาได้เห็นพระสงฆ์ลงไป ได้ธรรมะโอสถก็คลายความทุกข์ได้บ้าง และให้แนวทางการดูแลรักษาโควิดด้วย
พอเขารู้อาตมาเป็นพระก็ดีใจ บางคนร้องไห้เลย ชุมชนที่เราไปยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าไป พวกเขาบอกว่า เบอร์ติดต่อทีมพระไม่ทิ้งโยม โทรติดง่ายกว่าเบอร์อื่น ก็เลยเป็นความหวังของเขา"
โควิดในชุมชนหนักหนาสาหัส
ภาระกิจของพระมหาพร้อมพงศ์และทีมงานช่วงนี้ ทำงานหนักไม่แพ้อาสาสมัครทีมอื่นๆ ที่ลงไปช่วยผู้ติดเชื้อ แต่ก็ยังช่วยได้ไม่มากพอ
พระมหาพร้อมพงศ์ เล่าว่า ตอนลงชุมชนพระรามสาม เขตยานนาวา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่เขตวัดสุทธิฯ แต่เราเห็นปัญหามีผู้ติดโควิดไม่ต่ำกว่า 20 ครัวเรือน
"เจอเคสหนึ่ง คุณลุงค่าออกซิเจนต่ำมาก ตอนนี้มีคนบริจาคถังออกซิเจนให้แล้ว นอนไม่ค่อยมีแรง เพราะไม่สามารถเข้าถึงระบบที่รัฐจัดให้ ศูนย์พักคอยก็ไม่เพียงพอ
ชุดตรวจโควิดแบบง่ายๆ ที่ใช้อยู่ ทำให้เราค้นหาผู้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ถ้าให้เขาไปตรวจที่คลีนิกราคาหลักพัน ก็ยากจะเข้าถึง มีบางแห่งฉวยโอกาสกับชุดตรวจแบบ Rapid Test คิดราคา 1,500 บาทกับประชาชน
เราซื้อมาชุดละ 300-350 บาท ถ้าตรวจ 100 คน ต้องใช้ทุนถึงสามหมื่นห้าพันบาท ก็ใช้เงินบริจาค เงินของหลวงพี่ หลวงพ่อ จิตอาสาช่วยกัน
ถ้าเรามีทุนเยอะ เราก็ตรวจให้คนในชุมชนเยอะขึ้น ตอนนี้เราต้องการชุดตรวจ Rapid Test มากที่สุด เพราะแต่ละวันใช้ 50 ชุดเพื่อแยกผู้ป่วย ผู้ป่วยหนักไม่มีถังออกซิเจน ถ้าค่าออกซิเจนต่ำกว่า 90 หายใจลำบาก ส่วนมากที่เสียชีวิตเพราะไม่สามารถหายใจด้วยตัวเอง และท้องเสีย ช็อคได้ง่าย"
พระทำเต็มที่ได้แค่นี้
ถ้าไม่อยากให้พวกเขาเสียชีวิตจากโควิด พระมหาพร้อมพงศ์บอกว่า ต้องให้ผู้ป่วยโควิดที่ไม่สามารถเข้าถึงการรักษาจากแพทย์ เข้าถึงยาฟาวิพิราเวียร์ ที่ช่วยยับยั้งการกระจายของโควิดได้มากขึ้น
“น่าจะเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าถึงยา อาจมีขายที่ร้านขายยา เพราะกว่าคนป่วยจะได้ยา เชื้อก็ลงปอดแล้ว อาตมามองว่าผู้ป่วยทุกคนน่าจะเข้าถึงยาได้ง่ายกว่านี้ จะช่วยชีวิตพวกเขาได้เยอะ ซึ่งเป็นมุมมองของอาตมา แพทย์อาจจะมองอีกมิติ”
นอกจากนี้ ท่านยังบอกว่า
“ถ้าอาตมาสามารถขอบิณฑบาตจากรัฐบาลได้ ก็อยากให้คนในชุมชนได้รับวัคซีนเร็วที่สุด เรามีศูนย์สาธารณสุขทุกแห่ง น่าจะ Walk in เข้าไปได้ อยากให้ปลดล็อคการฉีดวัคซีน ถ้ากระจายไปทุกที่ให้ทุกคนเข้าถึงได้ ก็สามารถช่วยคนได้เยอะ เพราะวัคซีนคือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ"
.....................
ภาพ : เฟซบุ๊ควัดสุทธิวราราม
หมายเหตุ : ทีมพระอยากช่วยโยม ต้องการชุดตรวจหาเชื้อโควิดแบบ Rapid Test จำนวนมาก และถังออกซิเจน
เพื่อนำไปใช้ตรวจหาเชื้อให้คนในชุมชน ติดต่อได้ที่เบอร์ 061 7295995 และ 02 2111564