‘เดินเร็ว’ ขึ้นแท่นการออกกำลังกายสุดฮิตช่วง ‘โควิด’
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดสถิติออกกำลังกายช่วง “โควิด 19” พบ “เดินเร็ว” สุดปังในวัยทำงาน
สำหรับคนออกกำลังกาย การ ล็อกดาวน์ เป็นช่วงเวลาที่แสนอึดอัด โดยเฉพาะคนที่มีไลฟ์สไตล์เล่นกีฬากลางแจ้ง หรือแม้กระทั่งในยิมหรือฟิตเนสก็ปิดทำการ
ทว่าเมื่อร่างกายต้องการปะทะกับการออกกำลังกายก็ไม่มีอะไรมาขวางได้ เพียงแต่ต้องปรับให้เป็นไปอย่างเหมาะสม ซึ่งในช่วง โควิด-19 แบบนี้ มีสถิติที่น่าสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพในกลุ่มวัยทำงาน ให้เข้ากับสถานการณ์การระบาดของ “โควิด” จากทางกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ
พบว่าประเภทของการออกกำลังกายยอดนิยมอันดับแรก คือ เดินเร็ว เป็นการออกกำลังกายยอดฮิตและประชาชนมักจะใช้เวลาออกกำลังกายต่อเนื่องประมาณ 30 นาที มีจำนวนมากถึง 43.6 เปอร์เซ็นต์
เรื่องนี้ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) อธิบายว่า ทาง สบส. เฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพ และพฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพของประชาชนในช่วง “โควิด” โดยสำรวจความคิดเห็นผ่านระบบออนไลน์ ในกลุ่มวัยทำงานอายุระหว่าง 15 - 59 ปี เรื่องพฤติกรรมการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ดำเนินการใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างเดือนเมษายน - พฤษภาคม 2564 (เป็นช่วงเริ่มต้นผ่อนคลายมาตรการ การควบคุมโรคโควิด-19)
สถิติพบว่าวัยทำงานนิยมออกกำลังกายสูงสุด 3 อันดับแรก คือ “เดินเร็ว” โดยกลุ่มตัวอย่างเกือบครึ่งหนึ่ง คือ 43.6 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังคงออกกำลังกายประเภทนี้แม้ในสถานการณ์โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด อันดับที่สอง คือ วิ่งเหยาะ 27.9 เปอร์เซ็นต์ และอันดับที่สาม คือ ปั่นจักรยาน 19.9 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการ “เดินเร็ว” เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมสำหรับคนทำงานในช่วงนี้
“ในช่วงที่ต้องทำงานที่บ้าน (Work From Home) การออกกําลังกายเป็นกลไกที่สําคัญในการเสริมสุขภาพทำให้ร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้มกัน โดยการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ต้องใช้วิธีค่อยทำค่อยไป ให้ทุกส่วนของร่างกายได้ออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวและใช้แรงกล้ามเนื้อ จะทำให้มีสุขภาพดี รู้สึกผ่อนคลายไม่เครียด ควรทำสม่ำเสมอ ให้ได้ 3 - 5 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องนาน ครั้งละ 20 - 60 นาที จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของระบบหัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อ
การออกกําลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทําให้เกิดความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายในด้านการป้องกันโรค คือ ช่วยลดความเสี่ยง และปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่สําคัญ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ความอ้วนและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ฯลฯ การเดินเป็นวิธีรักษาสุขภาพที่ทำได้ง่ายๆ ไม่สิ้นเปลือง เป็นอิสระและไม่ต้องใช้อุปกรณ์ ทุกเพศทุกวัยสามารถทำได้และปลอดภัย เป็นวิธีการออกกำลังกายที่ไม่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้าจนเกินไป เกิดแรงกระแทกที่ข้อเท้าต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่มีน้ำหนักมาก สิ่งสำคัญในการเดินออกกำลังกาย คือ ท่าเดิน ไม่ควรก้าวยาวจนเกินไป ควรก้าวสั้นๆ แต่ถี่ แกว่งแขนตามธรรมชาติ สวมรองเท้า ที่เหมาะแก่การเดิน ควรเป็นรองเท้าที่มีพื้นกันแรงกระแทกและรองรับอย่างมั่นคง ก่อนและหลังการเดิน ควรอบอุ่นร่างกายและยืดกล้ามเนื้อ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการออกกำลังกาย”
เมื่อพูดถึงการออกกำลังกายในวัยทำงาน ซึ่งเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อโรคต่างๆ ทั้งออฟฟิศซินโดรม โรคเครียดต่างๆ และความเสี่ยงในช่วง “โควิด” มะลิ ไพฑูรย์เนรมิต ผู้อำนวยการกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) แสดงความเห็นว่า การออกกำลังกายในวัยทำงานนับว่ามีความจำเป็นมาก เพราะร่างกายต้องได้รับการรักษาและฟื้นฟูในส่วนที่สึกหรอไปจากการทำงาน การมีพฤติกรรมเนือยนิ่งหรือการนั่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลต่อการเจ็บป่วยและเสียชีวิตจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หลอดเลือดหัวใจ และสมอง
“สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ชประชาชนควรเลือกออกกำลังกายที่ไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ และควรทำอย่างเป็นประจำสม่ำเสมอ ใช้พื้นที่บริเวณบ้านออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกเพื่อความปลอดภัย ทั้งนี้ เมื่อนั่งทำงานเป็นระยะเวลานาน ควรลุกขึ้นยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกๆ 1 ชั่วโมง อาจจะใช้แอพพลิเคชั่นเปิดคลิปออกกำลังกายที่บ้าน โยคะ หรือการทำงานบ้าน เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน รวมทั้งกินอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ ปรุงสุกด้วยความร้อน ลดหวาน มัน เค็ม หลีกเลี่ยง การกินอาหารร่วมกัน งดการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งภายในและภายนอกบ้าน และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 7 - 9 ชั่วโมง”
สำหรับคนที่ต้องการข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติม รวมถึงการดูแลตัวเองในช่วง “โควิด” ติดต่อกองสุขศึกษา ทาง Facebook และเว็บไซต์กองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ คลิกที่นี่