ท้องยาก-อายุเกิน35ปี ต้องรู้! งานวิจัยเผย “Q10” ช่วยชะลอความแก่ของเซลล์ไข่
โคเอนไซม์ คิวเทน หรือ โคคิวเท็น ทำหน้าที่กระตุ้นการผลิตพลังงานของเซลล์ ให้ทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ โคเอนไซม์ คิวเทน คือ สารต้านอนุมูลอิสระที่ดีช่วยในการชะลอวัย และสิ่งสำคัญที่ "คนอยากท้อง" ควรรู้ คือ โคคิวเท็น จะช่วยชะลอความแก่ตัวของเซลล์ไข่ อีกด้วย
ครูก้อย นัชชา ลอยชูศักดิ์ ที่ปรึกษาเตรียมตั้งครรภ์ตามหลักวิทยาศาสตร์ และผู้ก่อตั้งเพจ Babyandmom.co.th ยืนหนึ่งในใจผู้มีบุตรยาก เผยว่า จากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยเกี่ยวกับผู้มีบุตรยาก มีงานวิจัยหลายฉบับศึกษาพบว่า ระดับของ โคเอนไซม์ คิวเทน จะลดลงตามอายุ ยิ่งมีความเสื่อมของเซลล์มากขึ้นจะสัมพันธ์กับระดับ โคเอนไซม์ คิวเทน ที่ลดลง ดังนั้นจึงมีการนำ โคเอนไซม์ คิวเทน เข้ามาทดลองรักษาโรคความเสื่อมต่างๆ มาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พบว่า สามารถช่วยชะลอและฟื้นฟูความเสื่อมของเซลล์รวมไปถึงเซลล์สืบพันธุ์ด้วย
"ผู้หญิงที่อายุเกิน 35 ปี ระดับของโคเอนไซม์คิวเทน ที่ช่วยในเรื่องของเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ลดลง โดยเฉพาะในเซลล์สืบพันธุ์ อย่างเช่น เซลล์ไข่ หากเซลล์ไข่ไม่มีพลังงานจะไม่สามารถปฏิสนธิได้ หรือกระบวนการแบ่งตัวอ่อนอาจจะหยุดชะงัก ดั้งนั้นในผู้หญิงขาดสารโคเอนไซม์คิวเทน หรือผู้หญิงที่มีอายุเกิน 35 ปี เซลล์ไข่จะเริ่มเสื่อมและด้อยคุณภาพลง หรือ เรียกได้ว่าไข่แก่ อาจส่งผลให้ตัวอ่อนไม่เจริญเติบโต แท้งง่าย หรือไม่เกิดการปฏิสนธิ ทำให้ท้องยาก แต่หากได้รับ โคเอนไซม์ คิวเทน จะช่วยกระตุ้นการทำงานของไมโทคอนเดรียจะทำให้เซลล์ไข่กลับคืนสภาพมาเต่งตึง และพร้อมเกิดการปฏิสนธิแลกเปลี่ยนโครโมโซม มีโอกาสเจริญเติบโตเป็นตัวอ่อนที่สมบูรณ์ได้" ครูก้อยเกริ่นนำ
ครูก้อย-นัชชา กล่าวโดยอ้างอิงการศึกษางานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility เมื่อปี 2009 พบว่า Coenzyme Q10 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของรังไข่ ทำให้ไข่มีคุณภาพมากขึ้น โดยงานวิจัยได้ทำการทดลองในหนูที่มีอายุมากที่ได้รับโคเอนไซม์ คิวเทน ผลลัพธ์ที่ได้คือ เซลล์ไข่ของหนูในห้องทดลองมีคุณภาพดีขึ้น ซึ่งการทาน โคเอนไซม์ คิวเทน อาจช่วยเพิ่มคุณภาพของเซลล์ไข่ของผู้หญิงที่มีอายุมากได้อย่างมีนัยสำคัญ
หลังจากนั้นในปี 2015 มีงานวิจัยอีกฉบับหนึ่งได้ทำการศึกษากับมนุษย์ เกี่ยวกับ Restore oocyte mitochondrial function เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการช่วยฟื้นฟูการทำงานไมโทคอนเดรียของเซลล์ไข่ ซึ่งงานวิจัยฉบับนี้ชื่อว่า Coenzyme Q10 restores oocyte mitochondrial function and fertility during reproductive aging ทำการศึกษาในกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ในภาวะเจริญพันธุ์ ตีพิมพ์ในวารสาร Aging Cell เมื่อปี 2015 เป็นการศึกษาของอเมริกาและแคนนาดา พบว่า การที่อายุมากขึ้นส่งผลให้ไมโทคอนเดรียทำงานได้น้อยลง อันเนื่องมาจากขาด โคเอนไซม์ คิวเทน ที่ไม่เพียงพอ ส่งผลต่อคุณภาพของเซลล์ไข่ ไข่เสื่อมลง และส่งผลต่อภาวะมีบุตรยาก
ครูก้อย-นัชชา บอกด้วยว่า ล่าสุดมีงานวิจัยอีกเรื่องหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Fertility and Sterility เมื่อปี 2020 ได้ทำการวิจัยในผู้หญิงอายุระหว่าง 38-46 ปี ที่ได้รับโคเอนไซม์ คิวเทน จะพบอัตราไข่สุก 83 % มากกว่าผู้หญิงอายุ 38-46 ปี ที่ไม่ได้รับ โคเอนไซม์ คิวเทน ที่พบอัตราไข่สุกเพียง 63 % แต่สำหรับผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 30 ปี เปรียบเทียบกลุ่มที่ได้รับโคเอนไซม์ คิวเทน และไม่ได้รับโคเอนไซม์ คิวเทน ไม่พบการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกัน
จากการรวบรวมการศึกษางานวิจัย ครูก้อย นัชชา ได้ให้ข้อสรุปว่า โคเอนไซม์ คิวเทน ช่วยทำให้คุณภาพของเซลล์ไข่ดีขึ้นได้ และพบว่า อัตราการตั้งครรภ์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป ควรได้รับ โคเอนไซม์ คิวเทน เสริมเข้าไป ไม่ต่ำกว่า 30 มิลลิกรัมต่อวัน เพื่อบำรุงร่างกายหรือฟื้นฟูสภาพเซลล์โดยไม่ควรรับประทานเกิน 100 มก.ต่อวัน
"โคเอนไซม์ คิวเทน จึงเป็นหนึ่งในวิตามินที่ผู้หญิงวางแผนตั้งครรภ์ควรรับประทานให้เพียงพอ ควบคู่กับการทานโฟลิกที่ผู้หญิงเตรียมตั้งครรภ์ทุกคนต้องทานล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือน เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาของตัวอ่อนอย่างสมบูรณ์ ลดอัตราทารกพิการแต่กำเนิด นอกจากนั้นต้องทานอาหารให้ถูกหลักโภชนาการครบ 5 หมู่ โดยเน้นอาหาร 70% วิตามิน 30% โดยสามารถศึกษารายละเอียด ได้เว็ปไซต์เบบี้แอนด์มัม " ครูก้อย-นัชชา กล่าวทิ้งท้าย.