ติดเชื้อ "โควิด" รักษาตัวอยู่บ้าน ต้องกินยาอะไร คุณหมอมีคำตอบ
การติดเชื้อโควิดแล้วต้องรักษาตัวเองที่บ้านกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ความรู้เรื่องยาที่ต้องกินระหว่างรักษายังมีน้อย คุณหมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี มีคำแนะนำมาฝาก
การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังคงอยู่และมีคนใกล้ตัวติดเชื้ออยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าตัวเราเองหรือคนรู้จัก หากตรวจ ATK แล้วผลออกมา 2 ขีด ได้ผลบวก หรือติดเชื้อโควิดแล้ว จะต้องทำอย่างไร
พญ. กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี ผู้อำนวยการศูนย์พรีเมียร์ไลฟ์เซ็นเตอร์ รพ.พญาไท 2 ได้ทำคลิปออกมาแนะนำเรื่องการกินยารักษาตัวเองระหว่าง โฮมไอโซเลชั่น (Home isolation) ดังนี้
“การตรวจ ATK แล้วขึ้นสองขีด แม้จะไม่มีอาการ หรือ อาการน้อย ก็ต้องกินยา ถ้ารักษาตัวอยู่บ้าน ยาที่บ้านที่เรามีอยู่ สามารถรับประทานได้ทันที แม้ไม่มีอาการ แต่ตรวจโควิดแล้วผลบวก หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย
ตัวแรกคือ ฟ้าทะลายโจร มีสารออกฤทธิ์ แอนโดกราโฟไลด์ (Andrographolide) สารตัวนี้จะทำให้เชื้อโควิดเจาะเข้ามาในเซลล์ยากขึ้น
วิธีการทาน ในหนึ่งวันจะต้องทาน 180 มิลลิกรัม/วัน ปกติสารสกัดในยาตัวนี้ที่ทำมาจะมี 15-20 มิลลิกรัม
เทียบง่ายๆ ถ้ามี 15 มก.ต่อหนึ่งเม็ด ก็ต้องทาน 12 เม็ด/วัน เท่ากับ 4 เม็ด เช้า-กลาง-วัน-เย็น
ถ้ามี 20 มก.ต่อหนึ่งเม็ด ต้องทาน 9 เม็ด/วัน เท่ากับ 3 เม็ด เช้า-กลางวัน-เย็น และทานต่อเนื่องไม่เกิน 5 วัน เพราะอาจมีผลเสียต่อตับในระยะยาว"
ในช่วง 5 วันแรกนั้น คุณหมอบอกว่า สามารถทานได้เลย เพราะยาตัวนี้เป็นหนึ่งในไกด์ไลน์แนวทางการรักษาของกรมการแพทย์ที่ได้ออกมา
"ตัวที่สอง เป็นตัวที่ทำให้มีผลต่อตับน้อยลงคือ N- Acetylcysteine (NAC) โดสที่ทานสำหรับคนที่เป็นโควิดแล้วสูงกว่าคนทั่วไปที่จะทานเพื่อละลายเสมหะเฉยๆ
ตัวนี้ช่วยตัดพันธะเสมหะที่เหนียว มีกลูต้าไธโอน Glutathione ในเซลล์ Lymphocyte คือ เซลล์เพชฌฆาตที่จะไปฆ่าโควิดให้ทำงานได้ดีขึ้น ป้องกันความรุนแรงที่จะเกิดขึ้น ในเรื่องของปอดบวมน้ำหรือปอดอักเสบ
โดสที่จะทานคือ 2400 มก./วัน ถ้าหนึ่งเม็ดมี 600 มก. เท่ากับว่าต้องทาน 2 เม็ด/เช้า และ 2 เม็ด/เย็น
ตัวที่สาม ฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) คือตัวป้องกันไม่ให้ไวรัส Leplication แบ่งตัวสร้างตัวมากขึ้นในร่างกายเรา
เป็น ยารักษาหลัก จะทานต่อเมื่อ มีอาการ ถ้ายังไม่มีไม่ต้องทานก็ได้ แต่ถ้าเริ่มมีอาการเพียงเล็กน้อย ก็เข้าแนวทางการรักษาแล้ว สามารถทานได้เลย อาการเริ่มแรก ๆ ตั้งแต่ไม่เป็นมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นมากในอนาคต"
แล้วคนทั่วไปจะได้รับยาตัวนี้มาอย่างไร คุณหมอตอบว่า ในตอนที่เราลงทะเบียนหรือสแกนกับ สปสช. สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นเรื่องสำคัญต่อการจัดยา
"ที่เราระบุ ชื่อ อายุ นามสกุล น้ำหนัก เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าน้ำหนักเยอะ โดสยาที่ให้ก็จะไม่เหมือนคนอื่น
หรือถ้าเรามีอาการแล้ว คุณหมอก็จะส่งยา ฟาวิพิราเวียร์ มาให้ที่บ้าน รวมถึงประเมินอาการต่าง ๆ ว่าควรได้รับออกซิเจน หรือยาอื่นเพิ่มเติม เช่น ยาแก้ไอ ยาลดไข้ หรือยาลดน้ำมูก ก็สามารถนำมาใช้ได้เช่นเดียวกัน
Cr. พญ. กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี
- การรับประทานยาฟาวิพิราเวียร์
คุณหมอบอกว่าจำนวนเม็ดอาจจะเยอะหน่อย บางคนอาจจะตกใจ
"ถ้าน้ำหนักตัวน้อยกว่า 90 กิโลกรัม โดสที่ต้องทานในวันแรกจะเป็น 1800 มก./เช้า และ 1800 มก./เย็น เม็ดหนึ่งมี 200 มก. ก็เท่ากับ 9 เม็ด/เช้า 9 เม็ด/เย็น
ถ้าอาการไม่มาก ส่วนมากทาน 5 วัน วันที่ 2,3,4,5 โดสจะน้อยลงเป็น 800 มก./เช้า 800 มก./เย็น ก็เท่ากับ 4 เม็ด/เช้า 4 เม็ด/เย็น ต่อเนื่องกันจนครบ 5 วัน
ถ้าน้ำหนักเกิน 90 กิโลกรัม ต้องทาน 2400 มก./เช้า 2400 มก./เย็น เท่ากับว่า 12 เม็ด/เช้า 12 เม็ด/เย็น ส่วนวันที่ 2-5 โดสจะน้อยลงเป็น 1000 มก. ก็เท่ากับ 5 เม็ด/เช้า 5 เม็ด/เย็น"
และที่สำคัญ ช่วงที่ทาน ฟาวิพิราเวียร์ คุณหมอไม่แนะนำให้ทาน ฟ้าทะลายโจร เพราะว่าอาจเกิดผล (Effect) ต่อกันได้
- อาหารก็ต้องระวังเช่นกัน
นอกจากยาแล้ว คุณหมอยังบอกว่า อาหารที่รับประทานก็มีผลไม่น้อย
“ยาที่บ้านหรืออาหารที่สามารถนำมาทำเป็นยาได้ ต้องปรุงสุกผ่านความร้อน ถ้าเราต้มแค่ 56 องศาเซลเซียส โควิดยังไม่ตาย หรือต้ม 60 องศานานต่อเนื่องถึง 1 ชั่วโมง ก็ยังไม่ตายอีก
ยกเว้นเราจะต้มที่ 92 องศาเซลเซียส นาน 10-15 นาที โควิดถึงจะตาย แล้ว RNA ของมันถึงจะแตกออก อย่าลืมว่าต้องปรุงสุกและร้อน อันนี้สำคัญมาก ๆ ค่ะ”