อายุเพิ่มขึ้น "นอนไม่หลับ" ต้องทำอย่างไร คุณหมอมีคำตอบ
คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจผิดว่า การนอนไม่หลับในผู้สูงอายุ เป็นเรื่องปกติ แต่ในความจริงแล้ว แม้อายุจะเพิ่มขึ้น คนเราก็ยังสามารถนอนหลับได้ดี หากปรับตัวและเข้าใจสุขอนามัยการนอนที่ดี
เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น ธรรมชาติในร่างกายย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ที่เห็นเด่นชัดคือ การนอนหลับที่เปลี่ยนแปลงไป
- อายุที่เพิ่มขึ้น มีผลต่อการนอนจริงหรือ
นพ.ชัยชนะ จรูญพิพัฒน์กุล จิตแพทย์ผู้สูงอายุ ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงของการนอนหลับที่ถูกพบเมื่ออายุมากขึ้นคือ
จำนวนชั่วโมงในการนอนลดลงเล็กน้อย มีการตื่นระหว่างคืนมากขึ้นแต่ยังสามารถกลับไปนอนต่อได้ มักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
“นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ เช่น โรคประจำตัวบางชนิดที่ส่งผลต่อการนอน การต้องตื่นมาปัสสาวะ หรือ ทานยากลางดึก การทานยาบางชนิดที่มีผลต่อการนอน บรรยากาศในบ้านพัก การไม่ได้รับแสงแดดในช่วงกลางวันที่เพียงพอ การขาดกิจกรรมในช่วงกลางวัน เป็นต้น
นพ.ชัยชนะ จรูญพิพัฒน์กุล
ผู้สูงอายุ บางท่านอาจไม่เคยมีปัญหาในเรื่องการนอนมาก่อน แต่เมื่อร่างกายเปลี่ยนแปลงตามวัย ประกอบกับปัจจัยอื่น ๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น
หรือมีเหตุการณ์สำคัญหรือความเปลี่ยนแปลงในชีวิตเกิดขึ้น ทำให้เกิดการนอนไม่หลับขึ้นมาครั้งแรก
บทความที่เกี่ยวข้อง :
- เปิดนวัตกรรมช่วยลดอาการ "นอนไม่หลับ" ให้คนเมือง
- โรค 'นอนไม่หลับ' สัมพันธ์กับ 'นาฬิกาชีวิต' แก้ได้โดยไม่ใช้ยา
- 10 วิธี "นอนให้หลับ" แบบง่ายๆ จาก "กรมอนามัย"
หลังจากนั้นจึงเกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการนอน เกิดความกลัว ความไม่สบายใจ ความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ความเครียดที่ต้องการนอนให้หลับในคืนนี้
ทำให้สมองเกิดการเรียนรู้และจดจำการนอนในรูปแบบใหม่ที่ไม่ผ่อนคลายและไม่สบายตัว ส่งผลให้เกิดการนอนไม่หลับต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ยังมีโรคที่เกิดขึ้นในผู้สูงอายุส่วนใหญ่จะส่งผลต่อการนอน"
- โรคที่ส่งผลกับการนอน
ใน ผู้สูงอายุ มีโรคหลายชนิดที่ส่งผลต่อการนอน หรือมี อาการนอนไม่หลับ เป็นจุดเริ่มต้นอาการของโรค จำเป็นจะต้องมาพบแพทย์ที่มีความชำนาญการเพื่อหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป ได้แก่
-โรคทางเดินหายใจอุดกั้นขณะหลับ
-โรคสมองเสื่อม
-โรคหัวใจ
-โรคถุงลมโป่งพอง
-โรคหลอดเลือดสมอง
-โรคกรดไหลย้อน
-ภาวะการนอนละเมอ
-กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข
-โรคซึมเศร้า
-โรควิตกกังวล ฯลฯ
คุณหมอกล่าวว่า การนอนไม่หลับเป็นระยะเวลานานส่งผลให้เกิดความเครียด อาการอ่อนเพลียระหว่างวัน อารมณ์หงุดหงิดง่าย และไม่สดชื่น
อีกทั้งส่งผลต่อความจำ ทำให้ความจำค่อย ๆ แย่ลงและความมีเสี่ยงในการหกล้มเพิ่มขึ้น อาจกลายเป็นปัญหาร้ายแรงตามมาได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม
- เคล็ดลับการนอน
สุขอนามัยในการนอนที่ดีสามารถปฏิบัติได้ ดังนี้
-กำหนดเวลาในการเข้านอนและการตื่นนอนในแต่ละวันให้เป็นเวลาเดียวกันทุกวัน
-หากนอนไม่หลับหลังเข้านอนไปแล้วประมาน 20 นาที ไม่ควรนอนบนเตียงต่อ ควรลุกขึ้นมาทำกิจกรรมที่เบาและผ่อนคลาย เช่น การอ่านหนังสือ การพับผ้า เมื่อรู้สึกง่วงอีกครั้งจึงกลับไปนอนต่อ
-ใช้เตียงนอนเพื่อการนอนหรือกิจกรรมทางเพศเท่านั้น
-ไม่ควรนอนหรืองีบในเวลากลางวัน แต่หากฝืนไม่ได้แนะนำให้งีบกลางวันได้ 10 – 15 นาที
-ในช่วง 8 ชั่วโมงแรกหลังตื่นนอน ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ
-งดออกกำลังกายในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน
-งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม เป็นต้น
-งดสูบบุหรี่ โดยเฉพาะช่วงเย็นและช่วงค่ำ
-หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน
-หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วง 4 ชั่วโมงก่อนถึงเวลานอน
-ทำกิจกรรมผ่อนคลายเป็นเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงก่อนเวลาเข้านอน เช่น อ่านหนังสือ อาบน้ำอุ่น จัดเตรียมเสื้อผ้า จัดของใช้ส่วนตัว สวดมนต์ นั่งสมาธิ เป็นต้น
-ไม่ควรรับประทานยานอนหลับโดยไม่ได้พบจิตแพทย์ผู้ชำนาญการ เนื่องจากยาจะส่งผลเสียต่อสมอง ความจำแย่ลง การติดยา การดื้อยา การพลัดตกหกล้ม การเกิดอุบัติเหตุ และการบดบังอาการของโรคอันเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะนอนไม่หลับขึ้นได้
คุณหมอชัยชนะ แนะนำว่า หากมีปัญหาการนอน ควรพบแพทย์โดยเร็ว ไม่ควรรอให้เกิดปัญหาในการนอนเป็นระยะเวลานาน
เนื่องจากระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายต่าง ๆ ตามมา อีกทั้งโรคหรือภาวะที่เป็นสาเหตุจะไม่ได้รับการแก้ไข
...................
ข้อมูล : ศูนย์จิตรักษ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ มีแพทย์เฉพาะทางดูแลรักษาผู้สูงอายุโดยตรง โทร.1719 หรือ แอดไลน์ @bangkokhospital