AI Tutor ติวเตอร์ส่วนตัวโอกาสเปลี่ยนโฉมการศึกษาไทย
ภูมิทัศน์ศึกษากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดด ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี Gen AI เช่น ChatGPT และอื่นๆ อีกจำนวนมาก
เทคโนโลยีเหล่านี้กำลังเปิดโอกาสให้ทุกคนทุกประเทศ สามารถยกระดับการศึกษาได้มากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
เราได้ใช้ ChatGPT กันมาครบ 1 ปี ในแวดวงการศึกษา ChatGPT ได้สร้างข้อถกเถียงที่เต็มไปด้วยความกังวลว่า นักเรียนนักศึกษาจะแอบใช้เครื่องมือเอไอในทางที่ผิด
เช่น การใช้ให้เอไอเขียนรายงานหรือทำข้อสอบให้ แทนการลงมือเขียนเอง ซึ่งบ่อนทำลายการเรียนรู้แบบดั้งเดิม ในอีกด้านหนึ่ง ChatGPT และเทคโนโลยีเอไอก็ได้มอบโอกาสเพื่อยกระดับประสบการณ์การเรียนรู้ให้นักเรียนสูงขึ้นอย่างมากเช่นกัน
แนวทางที่เหมาะสมจึงไม่ใช่การห้ามใช้เอไอในการเรียนการสอน แต่จำเป็นต้องมองให้เป็นโอกาส เร่งนำเอไอมาใช้เต็มที่ อย่างรู้เท่าทัน เพื่อนำศักยภาพของเอไอมาปรับปรุงการศึกษาของประเทศที่กำลังด้อยคุณภาพไปทุกขณะ
“AI Tutor” หรือ “ครูสอนพิเศษเอไอส่วนตัว” เป็นแนวคิดและเครื่องมือหนึ่งที่เป็นความหวังว่าจะมาช่วยยกระดับการเรียนรู้ของนักเรียนทั้งประเทศได้
ลองจินตนาการถึงสถานการณ์ที่นักเรียนทุกคนในประเทศไทยสามารถมีครูสอนพิเศษเอไอส่วนตัว รวมถึงครูทุกคนก็มีผู้ช่วยสอนเอไอคอยช่วยเหลือในการสอนนักเรียน
การสอนตัวต่อตัว (one to one tutoring) นั้นเป็นแนวทางที่ได้รับการยอมรับว่าช่วยการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นอย่างมาก เบนจามิน บลูม (Benjamin Bloom) นักจิตวิทยาการศึกษาผู้มีอิทธิพล ซึ่งรู้จักกันดีจากผลงานวิจัยในหัวข้อ "ปัญหา 2 ซิกมา"
ข้อค้นพบที่สำคัญจากการวิจัยของบลูม พบว่า นักเรียนที่ได้รับการสอนแบบตัวต่อตัวนั้น ทำผลการเรียนได้ดีกว่านักเรียนที่ได้รับการสอนผ่านวิธีการในห้องเรียนแบบเดิมอย่างมีนัยสำคัญ
โดยนักเรียนที่ได้รับการสอนแบบตัวต่อตัวมีผลการเรียนรู้สูงกว่าเพื่อนในห้องเรียนมาตรฐานถึง 2 ซิกมา (หรือสูงเท่ากับ 2 เท่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน) หมายความว่านักเรียนเหล่านี้มีผลการเรียนดีกว่าประมาณ 95% ของนักเรียนในชั้นเรียนปกติ
อย่างไรก็ตาม ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา การสอนแบบตัวต่อตัวในทางปฏิบัติทั้งประเทศนั้น เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพื่อจ้างครูหรือติวเตอร์ที่สูงมาก ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ครอบครัวที่มีฐานะดีเท่านั้นจึงจะสามารถจ้างติวเตอร์ตัวต่อตัวเพื่อลูกหลานของตนได้ แต่คนจนไม่เคยจะทำได้
แต่ปัจจุบัน หลังจากเอไอได้พัฒนาถึงจุดนี้แล้ว โอกาสการมี “ครูสอนพิเศษเอไอส่วนตัว” สำหรับเด็กทุกคนจึงมีขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ล่าสุด เราจึงได้เห็นการนำเทคโนโลยีเอไอมาใช้กับนักเรียนบนแพลตฟอร์ม “Khan Academy” โดยมีการพัฒนาครูเอไอชื่อว่า “Khanmigo” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ครูเอไอดังกล่าวจะทำหน้าที่เป็นครูสอนพิเศษที่สามารถสนทนาโต้ตอบกับนักเรียนตัวต่อต้วได้
โดย Khanmigo จะชี้แนะนักเรียนผ่านกระบวนการแก้ไขปัญหาแบบเป็นขั้นเป็นตอน ช่วยปลูกฝังความเข้าใจที่ลึกซึ้งและการคิดอย่างมีวิจารณญาณมากขึ้นให้กับนักเรียน
ในวิชาคณิตศาสตร์ Khanmigo สามารถระบุความเข้าใจผิดที่นักเรียนอาจมีได้ในการทำโจทย์ คณิตศาสตร์ และให้คำแนะนำที่ปรับให้เหมาะสมกับพัฒนาการของความรู้คณิตศาสตร์ของเด็กรายบุคคล
ในวิชาเขียนโปรแกรม Khanmigo สามารถเข้าใจและตอบสนองต่อความท้าทายในการเขียนโค้ดโดยเฉพาะของนักเรียนแต่ละคนได้ ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้ โดยเฉพาะในสาขาที่ขาดแคลนครูผู้สอนอย่างการเขียนโค้ดได้เป็นอย่างดี
ในวิชาวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ Khanmigo ช่วยทำให้เรื่องราวมีชีวิตขึ้นมาได้ ด้วยการเปิดโอกาสให้นักเรียนคุยโต้ตอบกับบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์หรือตัวละครในวรรณกรรมได้ เปลี่ยนการเรียนรู้เชิงนามธรรมให้กลายเป็นประสบการณ์ที่มีส่วนร่วมและเชื่อมโยงได้
ศักยภาพของ Khanmigo ขยายไปไกลกว่าการสอนเชิงวิชาการ แต่ได้ครอบคลุมถึงการทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาแนะแนว โค้ชทางวิชาการ หรือแม้แต่โค้ชชีวิต โดยตอบสนองความต้องการของนักเรียนแต่ละคนเป็นรายบุคคล
สำหรับครู เทคโนโลยีเอไอมอบโอกาสที่จะสนับสนุนครูเป็นอย่างมาก เพราะสามารถช่วยลดภาระในการวางแผนบทเรียนและการให้คะแนน ครูสามารถมุ่งไปที่การโต้ตอบโดยตรงของนักเรียนได้มากขึ้น และให้ความสำคัญกับงานธุรการน้อยลง
ผู้ช่วยเอไอสามารถช่วยเสนอกลยุทธ์การสอน วางแผนแผนการสอน ช่วยให้คะแนน ซึ่งทำให้บทบาทของครูมีประสิทธิภาพและสร้างผลกระทบต่อนักเรียนได้มากขึ้น
ประเทศไทยจึงควรตัดสินใจอย่างเร่งด่วนที่จะบูรณาการเทคโนโลยีเอไอ โดยเฉพาะครูหรือติวเตอร์เอไอเข้ากับระบบการศึกษาของประเทศ
ครูเอไอไม่ได้มาแทนครูที่เป็นมนุษย์ ซึ่งยังมีจุดแข็งด้าน อารมณ์ความรู้สึกและความใส่ใจนักเรียน แต่เอไอสามารถเข้ามาช่วยเสริมปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ในการศึกษาเพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของนักเรียนทุกคนได้รายบุคคล
ครูสอนพิเศษเอไอส่วนตัวสำหรับเด็กไทยทุกคนจึงเป็นแนวทางที่มอบโอกาสให้นักเรียนทุกคนไม่ว่ายากดีมีจนสามารถเข้าถึงการศึกษาแบบตัวต่อตัวอย่างไม่เคยมีมาก่อน และช่วยให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนดีขึ้นถึง 2 ซิกม่า
นี่จึงเป็นโอกาสครั้งใหญ่มากๆ สำหรับเด็กนักเรียนทั้งประเทศและการปฏิรูปการศึกษาไทย.