'เอไอเอส' ผนึก 'ธปท.' ปลูกภูมิคุ้มกัน 'ภัยการเงิน' ผ่านพลังคนรุ่นใหม่

"เอไอเอส" ผนึก "ธปท." ขับเคลื่อนภารกิจ "สร้างภูมิคุ้มกันจากภัยมิจฉาชีพออนไลน์ให้กับประชาชน" ยกระดับความปลอดภัยทั้งการใช้งานบนโลกออนไลน์และการทำธุรกรรมทางการเงิน
แม้ว่า อาชญากรรมทางออนไลน์ หรือ ภัยทางการเงิน จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง จากวันละ 1,200 คดี มาสู่ 900 กว่าคดี และสร้างความเสียหายต่อประชาชนอยู่ที่ราว 60 ล้านบาทต่อวัน แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าการหลอกลวงดังกล่าวยังอยู่ระดับสูงและยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังตกเป็นเหยื่อไม่เว้นวัน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กและเยาวชนอายุ 10-15 ปี และกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ที่มีความเสี่ยงต่อ ภัยไซเบอร์ มากกว่ากลุ่มอื่น มักตกเป็นกลุ่มที่ถูกหลอกลวงได้ง่าย
จากอาชญากรรมออนไลน์ การถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพที่ยังไม่หยุดยิ่งนำไปสู่การให้ความสำคัญและทำงาน "เชิงรุก" ของ 2 หน่วยงานสำคัญคือ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS ผู้ให้บริการเครือข่ายดิจิทัลของไทย ร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ในการผนึกกำลังร่วมกันในการขับเคลื่อนภารกิจ "สร้างภูมิคุ้มกันจากภัยมิจฉาชีพออนไลน์ให้กับประชาชน" ผ่านการส่งเสริมทักษะทางดิจิทัลและความรู้เท่าทันภัยทางการเงิน เพื่อยกระดับความปลอดภัยทั้งในด้านการใช้งานบนโลกออนไลน์และการทำธุรกรรมทางการเงิน
ผ่านการทำงานเชิงรุกร่วมกับคนรุ่นใหม่อย่างกลุ่ม "คัลเลอร์การ์ด" จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จะทำหน้าที่ในการลงพื้นที่ติดอาวุธเสริมภูมิคุ้มกันภัยบนโลกออนไลน์ เพื่อสร้างสุขภาวะดิจิทัลในพื้นที่ต่างๆ โดยได้เริ่มนำร่องที่โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด จัดกิจกรรมเสริมทักษะทางดิจิทัล อาทิ เกมที่สอดแทรกความรู้เรื่อง ภัยไซเบอร์ ในรูปแบบต่างๆ พร้อมแนะนำเครื่องมือเช็กภูมิคุ้มกันภัยทางไซเบอร์ Digital Health Check และหลักสูตรอุ่นใจไซเบอร์ ให้แก่นักเรียนที่เข้าร่วมโครงการกว่า 100 คน
นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจประชาสัมพันธ์และงานธุรกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า การให้ความรู้เรื่อง ภัยไซเบอร์ รวมถึง ภัยการเงิน ผ่านช่องทางออนไลน์เป็นสิ่งที่ AIS ทำมาโดยตลอด ในการทำหน้าที่ในการ "สื่อสารกับสังคม" ในด้านต่างๆ เพราะ AIS ไม่เพียงเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคม แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องการลุกขึ้นมาแล้ว สร้างความตระหนักรู้ ให้คนไทยให้ความสำคัญ และเท่าทันกับภัยทางการเงิน ภัยจากมิจฉาชีพที่ผ่านเข้ามาบนช่องทางออนไลน์มากขึ้น
ยิ่งในยุคปัจจุบันที่อินเทอร์เน็ตเข้าถึงประชาชนได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ขณะเดียวกันก็พบว่า อีกด้านก็ทำให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน จากการถูกหลอกลวงที่ตามมามากเช่นกัน ดังนั้นการย้ำเตือนให้สังคมเห็นถึงภัยทุจริตทางการเงินผ่านทางออนไลน์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
แต่สิ่งเหล่านี้ AIS คนเดียว คงไม่สามารถทำเรื่องนี้ได้เองทั้งหมด การขับเคลื่อนโครงการจึงต้องมีพาร์ตเนอร์ ทั้งจากภาคการเงิน ภาคการศึกษาต่างๆ โดยครั้งนี้นำร่องที่โรงเรียนในจังหวัดตราด ที่ถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ประชาชนมีสุขภาวะดิจิทัลในระดับที่ต้องพัฒนา ตามผลการสำรวจดัชนีชี้วัดสุขภาวะดิจิทัล หรือ Thailand Cyber Wellness Index (TCWI) ของ AIS
เป้าหมายของ AIS คงไม่ใช่เพียงแค่การทำอีเวนต์ ทำ CSR แล้วจบในหนึ่งวัน แต่เราคิดแบบบูรณาการ AIS จึงร่วมทำงานกับนิสิตนักศึกษา ในการดึงศักยภาพคนรุ่นใหม่ ที่มีทักษะในด้านการเล่าเรื่อง และสามารถเป็น "ครูแม่ไก่" ที่ทำหน้าที่สื่อสารให้คนในพื้นที่กลุ่มเปราะบางเหล่านั้นสามารถมีความรู้ มีการตระหนักรู้ด้านภัยทางการเงินมากขึ้น ซึ่งเป็นเป้าหมายของ AIS ที่อยากให้ปีนี้เป็นปีแห่ง ความปลอดภัยทางไซเบอร์
นางสาวชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันจากภัยทุจริตทางการเงิน เป็นสิ่งที่ ธปท. ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง และการทำงานร่วมกันครั้งนี้ร่วมกับ AIS ก็ถือเป็นการย้ำจุดยืนของ ธปท. ในการช่วยสร้างตระหนักรู้ เพื่อให้เท่าทันต่อภัยทุจริตทางการเงินในรูปแบบต่างๆ ได้มากขึ้น
สิ่งที่ ธปท. คาดหวังในโครงการนี้คือ การเห็นนักศึกษา เห็นเยาวชนที่มีเครือข่าย มีหลายช่องทางในการเข้ามาเป็นตัวเชื่อมต่อเป็น "ล่าม" ในการเตือนประชาชนให้ตระหนักและเข้าใจเรื่องภัยทางการเงินได้มากขึ้น และหวังว่าการสื่อสารครั้งนี้จะสามารถส่งต่อความรู้ไปให้ไกลกว่าเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด ที่เข้าถึงการสื่อสารได้ยาก และเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง
ดังนั้น จึงหวังว่ากลุ่มคนรุ่นใหม่จะเป็น "สะพาน" ในการช่วยปิดความเสี่ยง และทำให้คนในพื้นที่มี ความรู้ทางการเงิน และนำไปสู่ อาชญากรรมทางออนไลน์ ลดลงได้ในระยะข้างหน้า