รัฐบาลหนุนพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ดำเนินการแล้วกว่า 5.2 ล้านคนในช่วง 3 ปี
โฆษกรัฐบาลเผย รัฐบาลส่งเสริมการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ดำเนินการแล้วกว่า 5.2 ล้านคนในช่วง 3 ปี ช่วยสนับสนุนการพัฒนาประเทศ ผลักดันเศรษฐกิจไทย
วันนี้ (27 เม.ย.66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงแรงงานที่ได้พัฒนาทักษะฝีมือแรงงานไทย กว่า 5.2 ล้านคน เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของแรงงานไทย ผลักดันเศรษฐกิจ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญการพัฒนากำลังแรงงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจากข้อมูลในช่วง 3 ปี ระหว่างปี 2564 - 2566 รัฐบาลร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพัฒนาทักษะกำลังแรงงาน ทั้งแรงงานใหม่ แรงงานในสถานประกอบกิจการ แรงงานนอกระบบ และแรงงานที่เป็นกลุ่มเปราะบาง ตามพระราชบัญญัติ ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงาน พ.ศ. 2545 เพื่อส่งเสริมให้แรงงานมีทักษะ
สามารถประกอบอาชีพสร้างรายได้ต่อตนเอง สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ โดยแนวทางในการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน ประกอบด้วย กระบวนการฝึกอบรม การทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน การส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการมีการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้แก่พนักงานของตนเอง การรับรองความรู้ ความสามารถ และการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการพัฒนาแรงงาน
ผลการดำเนินการ 3 ปีที่ผ่านมา สามารถพัฒนากำลังแรงงาน ส่งเสริมการประกอบอาชีพ ทำให้แรงงานมีทักษะฝีมือที่เพิ่มขึ้น และสามารถปรับตัวเท่าทันเทคโนโลยี ได้จำนวน 5,255,833 คน และมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 13,775 บาท ต่อคน คิดเป็นมูลค่าเฉลี่ย 157,890 บาทต่อคนต่อปี
โดยพบว่าแรงงานที่ผ่านการพัฒนาทักษะมีรายได้เพิ่มขึ้นหลังจากที่ผ่านการฝึกอบรมได้แก่ แรงงานใหม่ร้อยละ 25 แรงงานในสถานประกอบกิจการร้อยละ 19 แรงงานนอกระบบร้อยละ 9
“นายกรัฐมนตรียินดีกับผลการดำเนินงาน และความสำเร็จการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานที่ช่วยพัฒนาทักษะฝีมือของแรงงานไทย ทั้งนี้ ด้วยแนวทางการทำงานของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพ และทักษะแรงงานไทย เพื่อให้แรงงานมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น ยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทย เชื่อมั่นเมื่อแรงงานไทยมีศักยภาพที่สูงขึ้นจะเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจไทย” นายอนุชาฯ กล่าว