'ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ' พ่อค้าแม่ค้าโอดกระทบหนัก วอนรัฐบาลใหม่ทบทวน
ช่วงเปิดเทอม พ่อค้าแม่ค้าโอด หากขึ้นค่าแรงกระทบหนัก วิตกเวลานี้ก็ขายยาก เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ลูกน้องที่มีก็แทบจะไม่มีเงินจ้าง ปกติจ่ายค่าจ้างอยู่วันละ 300 -400 บาทอยู่แล้ว หากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นมากกว่านี้ คงต้องเลิกจ้าง หรืออาจต้องเลิกขาย วอนรัฐบาลใหม่ทบทวน
สำรวจบรรยากาศการค้าขาย อาหารการกินในตลาดถนนคนเดิน “เซ็นเตอร์พ้อย” เขตเทศบาลนครตรัง พบพ่อค้าแม่ค้าต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าบรรยากาศค้าขายซบเซา อาจจะเป็นเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา และเป็นช่วงที่เด็กเปิดเทอมใหม่
ทำให้ประชาชนขาดกำลังซื้อ จึงทำให้บรรยากาศการค้าขายไม่ค่อยคึกคัก พ่อค้าขายข้าวแกง (สวมเสื้อแดง) บอกว่า ถ้ารัฐบาลใหม่มีการปรับขึ้นค่าแรงอีก ส่วนตัวรับไม่ได้แล้ว ขนาดลูกน้อง 7 คน ก็แทบจะต้องเลิกจ้างอยู่แล้วตอนนี้ เพราะพาไม่ไหว กับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นแบบนี้ การค้าขายไม่ดี วัตถุดิบต้นทุนแพงทุกอย่าง ค้าจ้างลูกน้องตกวันละ 300-400 บาท เฉพาะค่าจ้างลูกน้องไม่ต่ำกว่า 2,000 บาทต่อวัน ตอนนี้อย่าว่าแต่การขึ้นค่าแรงเลย ลูกน้องก็แทบจะเอาออกอยู่แล้ว ตอนนี้พ่อค้า แม่ค้า ทุกรายเหมือนกันหมด สอบถามดูได้ อยู่กันแทบไม่ได้ทุกรายอยู่แล้ว
คุณป้าเสื้อลายเหลือง ขายบะหมี่ บอกว่า ค้าขายตอนนี้ขายยากมาก คนคงไม่มีเงิน ต้นทุนก็แพงมาก เพราะวัตถุดิบแพงทุกอย่าง
หากมีการขึ้นค้าจ้างแรงงานขั้นต่ำอีก เชื่อว่าจะกระทบอย่างมาก คงจ้างลูกน้องไม่ไหว ตายกันหมดแม่ค้า
คงต้องยอมทำคนเดียว วัตถุดิบทุกชนิดก็แพง อยู่กันไม่ไหว ถ้าขายคนเดียวก็จะขายแบบ 3-4 วัน ก็หยุดขายสักวัน แต่ถ้ามีลูกน้องช่วยขายจะหยุดขายเฉพาะวันพระเท่านั้น จึงยอมขายๆหยุดๆ หากต้องเพิ่มค่าแรง ซึ่งปกติขายกล่องละ 30 บาท ถ้าขายไม่หมด 2 ทุ่ม ก็นำไปเซลส์ลดราคาขายกล่องละ 20 บาท ก่อนกลับบ้าน ดีกว่าปล่อยให้เหลือก็ขาดทุน
ด้านนางอารีย์ วงษ์วิวัฒน์ แม่ค้าขายไก่ทอด บอกว่า ถ้าเป็นเจ้าของกิจการ เจ้าของร้าน ถ้ามีการปรับขึ้นค่าแรงจะยิ่งเป็นภาระหนัก แต่ก็เข้าใจเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ส่วนของลูกจ้างก็อาจต้องมีการปรับขึ้นบ้าง เพราะพวกเขาก็ลำบาก แต่ถ้าปรับขึ้นมากก็ไม่ไหว เพราะตอนนี้ก็ไม่ไหวอยู่แล้ว เจ้าของร้านก็จะอยู่ไม่ไหว ตอนนี้ก็อยู่ไม่ไหวกันอยู่แล้ว ปกติตอนนี้ก็จ้างกันอยู่วันละ 300 บาท พร้อมอาหาร
ถ้าปรับขึ้นค่าแรงก็ต้องมีการปรับเพิ่มยอดขาย แต่ก็จะทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่รายได้เราเท่าเดิม เพราะไม่สามารถปรบราคาขึ้นได้ ตอนนี้ต้นทุนวัตถุดิบก็แพงมากทุกชนิด ยกตัวอย่างเช่น กระเทียม จากเดิมกระสอบละ 200 กว่าบาท ตอนนี้ขึ้นไปอยู่ที่กระสอบละ 600 บาท หากจะมีการปรับราคาสินค้าก็ต้องกระทบกับลูกค้าอีก
ดังนั้น การปรับขึ้นค่าแรงแน่นอนจะต้องกระทบกับประชาชนทุกคน เพราะสินค้าราคาต้องแพงขึ้นด้วย จึงอยากฝากรัฐบาลชุดใหม่นี้ ช่วยทำให้บ้านเมืองดีขึ้นตามที่ได้รับปากไว้กับประชาชน เช่น การแก้ปัญหาปากท้อง เกี่ยวกับปัญหาสินค้าราคาแพง ดูแลให้ถูกลง เพราะแพงขึ้นทุกชนิด แต่แม่ค้าอย่างตนก็ไม่สามารถจะปรับราคาขึ้นได้