ค่าจ้างขั้นต่ำ 400บาท เตรียมปรับทั่วประเทศ ชัดเจน ก.ค.นี้

บอร์ดค่าจ้าง เตรียมปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาททั่วประเทศ มอบอนุกรรมการจังหวัดประเมินกิจการที่ปรับเพิ่มได้ ชัดเจนในก.ค.นี้ เป็นปีแรกที่ขึ้น 3 รอบใน 1 ปี

หลังจากที่เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2567 ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำประเภทกิจการโรงแรม ลงนามโดยนายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นการปรับเป็นครั้งที่ 2 ของอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ พ.ศ.2567 โดยกำหนดให้ จ่ายค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน แก่ลูกจ้างทำงานในประเภทกิจการโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานที่พักเพื่อการท่องเที่ยวประเภทโรงแรมระดับการให้บริการ 4 ดาวขึ้นไป และต้องมีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป เฉพาะบางพื้นที่ของ 10 จังหวัด มีผลตั้งแต่ 13 เม.ย.2567 เป็นต้นไปนั้น

ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 เม.ย.2567 ที่กระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ดค่าจ้าง) ชุดที่ 22 ครั้งที่ 3/2567 ว่า ที่ประชุมมีการหารือเกี่ยวกับการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นครั้งที่ 3 ของปี 2567 ซึ่งจะเป็นปีแรกที่มีการปรับค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นถึง 3 ครั้งใน 1 ปี

ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้อนุกรรมการพิจารณาอัตราค่าจ้างขั้นต่ำจังหวัดทุกจังหวัด ไปศึกษาว่าแต่ละจังหวัดมีประเภทกิจการใดบ้างที่มีความพร้อม และสามารถปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำได้ถึงวันละ 400 บาท

จากนั้นให้เสนอข้อมูลมายังบอร์ดค่าจ้างฯ และจะมีการศึกษาการปรับขึ้นค่าจ้างโดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งความเป็นไปได้ที่มองไว้ อย่างเช่น กิจการด้านโลจิสติกส์ กิจการการแปรรูปอาหารทะเล กิจการส่งออกสินค้า เป็นต้น โดยกำหนดให้อนุกรรมการฯ ศึกษาข้อมูลภายใน 2 เดือน แล้วทั้งหมดจะมีความชัดเจนในเดือนก.ค. 2567 และการประชุมบอร์ดค่าจ้างฯ ครั้งต่อไปมีกำหนดในวันที่ 14 พ.ค.2567

“จังหวัดจะเป็นผู้เสนอ เพราะแต่ละพื้นที่ แต่ละจังหวัด บางกิจการของจังหวัดนี้ อาจมีความเหมาะสมที่จะปรับขึ้น 400 บาทต่อวัน แต่อาจไม่เหมาะสมกับอีกจังหวัด จึงให้จังหวัดสำรวจและทำการวิจัยมาเสนอบอร์ดค่าจ้างฯ แล้วดำเนินการปรับค่าจ้างครั้งที่ 3 ให้สำเร็จในปีนี้” นายไพโรจน์ กล่าว

นายไพโรจน์ กล่าวด้วยว่า ภาพที่ต้องการคือ อยากให้ขึ้นเป็นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวันทั้งประเทศ แต่ต้องทำในกิจการที่มีความพร้อม ซึ่งแต่ละจังหวัดก็จะต่างกันไป จะไม่ปรับขึ้นเพียงกิจการเดียวอย่างครั้งที่ผ่านมา ให้ปรับในกิจการโรงแรมที่มีมาตรฐาน 4 ดาวขึ้นไป อย่างไรก็ตาม ต้องดูความเหมาะสม และความพร้อมของแต่ละกิจการด้วย อย่างเช่น วิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม หรือ SME ก็อาจจะยังไม่ปรับขึ้น

ส่วนกระแสตอบรับหลังจากมีการปรับค่าจ้างครั้งที่ 2 ตั้งแต่ วันที่ 13 เม.ย.2567 นายไพโรจน์ กล่าวว่า มีการพูดคุยกัน ซึ่งได้เสนอว่ากรุงเทพมหานคร ควรจะมีการปรับค่าจ้างในประเภทกิจการโรงแรมที่มีมาตรฐาน 4 ดาวขึ้นไปให้ครบทุกเขต เพราะเดิมมีการปรับเพียง 2 เขต คือ เฉพาะเขตปทุมวัน และเขตวัฒนา ซึ่งจะมีการประกาศปรับขึ้นในการปรับค่าจ้างครั้งที่ 3 ของปี