"OPTIMUM" หลักบริหารงาน บริหารคน จุดที่สมดุลที่สุดคืออะไร?
“ถึงจะเริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจครอบครัว แต่การบริหารงานบริหารคนไม่ใช่ระบบกงสี ไม่ใช่เจ้านายชี้นิ้วสั่ง เป็นการบริหารงานโดยใช้หลัก OPTIMUM จุดที่สมดุลที่สุด”
KEY
POINTS
- ถึงจะเริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจครอบครัว แต่การบริหารงานบริหารคนไม่ใช่ระบบกงสี ไม่ใช่เจ้านายชี้นิ้วสั่ง เป็นการบริหารงานโดยใช้หลัก OPTIMUM จุดที่สมดุลที่สุด
- ผู้บริหารที่ดีต้องมองบริบท สร้างคุณค่า ปูพื้นฐาน บริหารทีมให้ได้ ที่สำคัญต้องเป็นคุมอุณหภูมิของพนักงาน ขององค์กร สร้างบรรยากาศการทำงานให้น่าอยู่
- "KCAR” ไม่ได้เลือกคนที่เก่งที่สุด หรือวิ่งเร็วที่สุดเข้าองค์กร แต่จะเลือกคนที่ทำงานเป็นทีม มี Service mind ทำให้ลูกค้าชื่นชอบ ดูแลอย่างต่อเนื่องต้องได้ใจลูกค้า
แต่ละธุรกิจย่อมมีอัตราการแข่งขันค่อนข้างสูง “ธุรกิจเช่ารถ” เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ขณะนี้มีอัตราการเติบโตมากขึ้น “KCAR” มีศูนย์บริการทั่วประเทศ ถึงจะไม่ได้เป็นเบอร์ 1 เรื่องของยอดเช่ารถ แต่ผู้บริหารเชื่อว่า พวกเขาเป็นเบอร์ 1 เรื่องความมั่นคง และการบริการ ที่เติบโตอย่างมั่น
“กรุงเทพธุรกิจ”มีโอกาสได้พูดคุยกับ “พิชิต จันทรเสรีกุล" กรรมการผู้จัดการ บมจ.กรุงไทยคาร์เร้นท์ แอนด์ ลีส (มหาชน) หรือ KCAR” ผู้ประกอบธุรกิจให้เช่ารถรายใหญ่ในประเทศไทย ที่ดำเนินธุรกิจมากกว่า 30 ปี ถึงแนวคิดหลักในการบริหารคน ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
แนะทางรอด "ธุรกิจรถเช่า-ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามและสุขภาพ"
6 เดือน ธุรกิจให้เช่ายานยนต์ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ จัดตั้งใหม่ พุ่ง 40.74 %
หลักบริหารคน“OPTIMUM”
“พิชิต” เล่าถึงนโยบายในการบริหารงานของ KCAR ว่า องค์กรจะใช้นโยบาย OPTIMUM คือ จุดที่สมดุลที่สุดในการเติบโต ซึ่งการพัฒนาคนถือเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจ วิสัยทัศน์ของ KCAR ไม่ได้เน้นคำว่าเบอร์ 1 ด้านยอดเช่ารถ แต่เราต้องการเป็นเบอร์ 1 ด้านความมั่นคงและการบริการ พนักงานของเรา มี Service mind พร้อมลงมือปฎิบัติ ให้ลูกค้าได้รับการบริการที่ดีที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และความไว้วางใจให้แก่ลูกค้า
ขณะที่การบริหารงาน OPTIMUM จะเป็นการพิจารณาจากสภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมรถให้เช่าอย่างรอบด้าน ทั้งในส่วนที่มีการเติบโตช้า และเติบโตเร็ว โดยมองว่า KCAR อยู่ตรงจุดไหนของอุตสาหกรรม และต้องพัฒนาตัวเองให้มากขึ้น ยิ่งตอนนี้ธุรกิจรถให้เช่า ธุรกิจรถมือสองมีการแข่งขันมากขึ้น มีช่องทางในการเติบโตมากขึ้น ในปี 2567 นี้จะทรงตัว หดตัว หรือเพิ่มขึ้นต้องคาดการณ์ เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น การแข่งขัน การลงทุนในการเติบโตต้องพิจารณาหลายด้าน
“ปี 2566 KCAR กำไรเติบโตมากกว่า 10 % จากปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 183 ล้านบาท ส่วนในปี 2567 คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นราว 5 % จากปีก่อนหน้า และกำไรจะเติบโตเลข 1 หลัก โดยธุรกิจค่าเช่ารถยนต์อาจจะทรงตัว แต่ยอดขายรถยนต์มือสองจะเติบโตอย่างน้อย 20 % ฉะนั้น การบริหารงานขององค์กรตลอด 30 กว่าปีที่ได้เรียนรู้ทั้งผิดและถูก ต้องเริ่มจากการพัฒนาคนให้มีวิสัยทัศน์ ทัศนคติ ทิศทางเดียวกับองค์กร” พิชิต กล่าว
บริหารคนด้วยหลักความเมตตา
องค์กรจะเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ส่วนหนึ่งต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์ของผู้บริหารในการขับเคลื่อนองค์กร และมีเป้าหมายอย่างชัดเจน และต้องดำเนินการในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยิ่งตลาดรถให้เช่า ตลาดรถมือสอง ช่วงเวลามีความสำคัญอย่างมาก ตลาดมีการทรงตัว หดตัว ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดเวลา
“พิชิต” เล่าต่อไปว่าวิสัยทัศน์ของผู้บริหารต้องมีความชัดเจน และต้องปรับไปตามตลาดในแต่ละช่วง หากช่วงไหนไม่ดี วิสัยทัศน์อาจ Soft ลง เพื่อให้กลยุทธ์สามารถขับเคลื่อนตามไปด้วย และต้องสร้าง Value โดยสิ่งที่สำคัญที่สุดในองค์กร คือ คน เพราะทุกองค์กรต้องขับเคลื่อนด้วยคน ดังนั้น การจะทำให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืนได้ ต้องมีคน มีทีมที่ดี มีวัฒนธรรมที่ดี กลยุทธ์ที่ดี วิสัยทัศน์ที่เหมาะสม เมื่อคนดี ระบบดี จะทำให้องค์กรดีขึ้นเรื่อยๆ
“ผมใช้หลักเมตตาในการบริหารคน ซึ่งส่วนตัวผมเป็นคนใจร้อน คิดเร็ว ทำเร็ว ซึ่งพี่ชายของผมแนะนำให้ใช้หลักเมตตา และสร้างบาลานซ์ ความสมดุล เพราะผู้บริหารที่ดีจะต้องมองบริบท สร้างคุณค่า ปูพื้นฐาน ต้องบริหารทีมให้ได้ด้วย ที่สำคัญต้องเป็นคนคุมอุณหภูมิของพนักงาน ขององค์กร เราต้องใจเย็นมากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องมีการสื่อสาร เทรนนิ่ง และสร้างบรรยากาศการทำงานให้น่าอยู่ เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่จะทำงานในที่ทำงาน หากคนทำงานมีความสุข เขาก็จะทำงานออกมาได้ดี”พิชิต กล่าว
คัดเลือกคนเจนทันสมัย ปรับตัวเก่ง
พนักงานมีความสุข และ KPI ของพนักงานก็ต้องดี เพื่อขับเคลื่อนองค์กร ทุกคนใน KCAR จะรับรู้วัฒนธรรมองค์กร เป้าหมายขององค์กรในแต่ละปี และรับผิดชอบหน้าที่ของตนเอง เดินไปด้วยกัน
“พิชิต” เล่าด้วยว่าเรามีสวัสดิการ วันลาพักร้อน วันลาหยุด ค่ารักษาพยาบาลต่างๆ เหมือนกันที่อื่นๆ แต่จะมีเพิ่มเติมในเรื่องการเปิดบริการกู้ยืมโดยไม่คิดดอกเบี้ย รวมถึงสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีโอกาสเติบโต มีความก้าวหน้าในงาน ขณะเดียวกันพนักงานแต่ละคนประสบปัญหา เรื่องราวแตกต่างกัน
หากช่วงไหนพวกเขารู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ทำงานได้ลดน้อยลง เราก็จะเข้าไปดูแล รับฟัง ให้กำลังใจ และร่วมแก้ปัญหา โดยเราจะดูแลกันแบบครอบครัว พนักงานในกลุ่ม KCAR 100 กว่าคนในออฟฟิศ และ 1,000 กว่าคนในส่วนของศูนย์บริการต่างๆ ได้รับการดูแลอย่างเสมอภาค เท่าเทียมกัน
“ตอนนี้ต้องยอมรับว่า KCAR มีคนเจนเก่าค่อนข้างมาก เนื่องจากเราเติบโตมาจากธุรกิจครอบครัว และหลายๆ คนอยู่กับเรามานานมาก เรามีการเปิดรับคนใหม่ๆ และต้องเชื่อมโยงคนหลากหลายกลุ่มเข้าด้วยกันผ่านการทำงานเป็นทีม และพิจารณาจากคุณค่าของคนๆ นั้นเป็นหลัก หากเด็กเจนใหม่ ซึ่งมีความ Active มาก เราอาจจะไม่ได้คัดสรรมาร่วมงาน เพราะหัวหน้างานอาจจะเอาไม่อยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่เลือกคนเจนใหม่เข้าทำงาน เพียงแต่ต้องเป็นคนเจนใหม่ที่หัวทันสมัย ปรับตัวเก่งพร้อมจะอยู่กับองค์กรได้”พิชิต กล่าว
Match คนให้เหมาะสมกับงาน
“KCAR” ไม่ได้เลือกคนที่เก่งที่สุด หรือวิ่งเร็วที่สุดเข้าองค์กร แต่จะเลือกคนที่ทำงานเป็นทีม มี Service mind ทำให้ลูกค้าชื่นชอบ มีการดูแลอย่างต่อเนื่องต้องได้ใจลูกค้า
“ผมเป็นผู้บริหารที่พยายามปรับปรุง พัฒนาตัวเองตลอดเวลา และด้วยความเป็นครอบครัว ส่วนหนึ่งยังคงมีพี่ชายคอยดูแลอยู่ห่างๆ หลายครั้งที่เด็กๆ พนักงานอาจจะไม่กล้า Feedback กับเราโดยตรง แต่พี่ชายเราสังเกตก็จะมาบอกเรา เราก็จะผ่อนตัวเองให้ใจเย็นลง พนักงานกล้าเข้ามาสื่อสาร พูดคุยมากขึ้น และผมจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อ Refresh ทั้งตัวเอง และ Refresh ทีมด้วย Match คนให้เหมาะสมกับงาน” พิชิต กล่าวทิ้งท้าย