65 ปีคนละประเด็น(ไม่ใช่)เรื่องเดียวกัน อายุ-สิทธิบำนาญชราภาพ

ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่..)พ.ศ....อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน ขยายฐานอายุผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็น 65 ปี
KEY
POINTS
- การแก้ไขกฎหมายอายุแรกเข้าการเป็นผู้ประกันตน
ร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่..)พ.ศ....อยู่ระหว่างการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตน ขยายฐานอายุผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็น 65 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ 39 ที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ สามารถสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 39/1 เพื่อรับสิทธิประโยชน์ 3 กรณี คือประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย กรณีทุพพลภาพ และตาย
เป็นการแก้ไข พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. (ฉบับที่ 5) ที่อยู่ระหว่างการเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาตาม เป็นเพียงการแก้ไขอายุแรกเข้าของการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ซึ่งปัจจุบัน กำหนดไว้ว่า ผู้ที่จะขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะต้องมีอายุระหว่าง 15 – 60 ปี การแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ ได้แก้ไขอายุแรกเข้าการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นอายุระหว่าง 15 – 65 ปี
“ทั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี หากได้รับการว่าจ้างงานจะสามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทุกกรณีได้อย่างครบถ้วน เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุอีกด้วย สำหรับผู้ประกันตนที่เกษียณ หรือสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่ออายุ 55 ปี ยังคงสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพได้ตามปกติ” บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ชี้แจงเมื่อครั้งเป็นเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
ที่จริงแล้วการขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 เป็นมาตรการหนึ่งที่สำนักงานประกันสังคมให้ความสำคัญกับสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น เพื่อเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ รวมถึงสร้างหลักประกันทางสังคมอย่างเท่าเทียมและเสมอภาค และพร้อมดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตนทุกช่วงวัย ให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพ
ในการแก้ไข พ.ร.บ. ประกันสังคม พ.ศ. (ฉบับที่ 5 )ยังมีกรณีผู้ประกันตนออกจากงานจะได้สิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรต่ออีก 6 เดือน เพิ่มเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรจากเดิมในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างเป็นเวลา 90 วัน เพิ่มเป็น 98 วัน เพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพเป็นร้อยละ 70 (เดิมร้อยละ 50) กรณีว่างงานให้ลูกจ้างที่มีอายุไม่เกิน 60 ปี มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจนเสร็จสิ้นก่อนแล้วจึงจะได้รับเงินกรณีชราภาพ
นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่สร้างหลักประกันความมั่นคงเพื่อคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นให้กับผู้ประกันตนเพิ่มเติม อาทิ ผู้ประกันตนที่มีสิทธิรับเงินบำนาญชราภาพสามารถเลือกรับเป็นเงินบำเหน็จหรือบำนาญได้ ตามข้อกำหนด กรณีเกิดภัยพิบัติที่ส่งผลกระทบต่อผู้ประกันตนอย่างร้ายแรง สามารถขอรับเงินชราภาพบางส่วนได้ก่อนอายุครบ 55 ปี ตามข้อกำหนด และผู้ประกันตนสามารถนำเงินชราภาพบางส่วนใช้เป็นหลักประกันกับสถาบันการเงินที่ทำความตกลงกับสำนักงานประกันสังคมด้วยส
รวมทั้งพัฒนาสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระ มาตรา 40 ดังนี้
1. กรณีทุพพลภาพ ปรับเพิ่มสูงสุด 3,000 บาท คุ้มครองตลอดชีวิต
2. กรณีสงเคราะห์บุตร ปรับเพิ่มเป็นจำนวน 300 บาท ต่อบุตร 1 คน สูงสุดไม่เกินคราวละ 2 คน อายุไม่เกิน 7 ปีบริบูรณ์ และ 3. กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย เป็นเงินทดแทนการขาดรายได้
กรณีที่ไม่ได้พักรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลและไม่มีความเห็นของแพทย์ให้หยุดพักรักษาพยาบาล (ไป-กลับ) ทางเลือกที่ 1 และทางเลือกที่ 2 ปรับเป็นอัตราครั้งละ 200 บาท จำนวน 3 ครั้งต่อปี ผู้ประกันตนทั้ง 3 ทางเลือก สามารถรับเงินทดแทนการขาดรายได้ ในกรณีที่แพทย์มีความเห็นให้หยุดพักรักษาพยาบาลตั้งแต่ 1 วันขึ้นไปเป็นต้น
สร้างความยั่งยืนกองทุนประกันสังคม
การเข้าสู่สังคมสูงวัยและกองทุนประกันสังคมมีภาระการจ่ายสิทธิประโยชน์บำนาญชราภาพในระยะยาว ซึ่งอาจกระทบต่อกองทุนในอีก 30 ปีข้างหน้า แนวทางสร้างความยั่งยืนให้กับกองทุนประกันสังคม จึงมีหลายแนวทาง ไม่ว่าจะเป็นปรับเพิ่มเพดานค่าจ้างในการคำนวณเงินสมทบ แบบค่อยเป็นค่อยไป ได้แก่ ปี 2568 - 2570 ปรับเพดานค่าจ้างที่ 17,500 บาท ปี 2571 - 2573 ปรับเพดานค่าจ้างที่ 20,000 บาท ปี 2574 เป็นต้นไป ปรับเพดานค่าจ้างที่ 23,000 บาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างแก้ไขกฎกระทรวง
กำหนดเป้าหมายผลตอบแทนจากการลงทุนเพื่อสร้างความยั่งยืนอยู่ที่ 5% ต่อปี สามารถดำเนินการได้ทันที กำลังศึกษาแนวทางขยายอายุเกษียณแบบสมัครใจ คำนึงถึงผลกระทบที่แตกต่างกันของพื้นที่ กลุ่มอาชีพ และกลุ่มรายได้ต่าง ๆ และ ขยายความคุ้มครองแก่แรงงานที่ไม่ได้อยู่ในข้อบังคับตามกฎหมาย และนำแรงงานต่างชาติเข้าสู่ระบบประกันสังคม ปรับเพิ่มอัตราเงินสมทบฝ่ายรัฐบาลจากเดิม 2.75% เป็น 5% โดยกองทุนประกันสังคมมีแหล่งที่มางบประมาณ จาก 3 ฝ่าย คือ ผู้ประกันตน นายจ้าง และ รัฐบาล
สปส.ยัน55ปีรับ‘บำนาญชราภาพ’
การขยายฐานอายุผู้ประกันตน มาตรา 33 ยืดไปเป็น 65 ปี ไม่ใช่เป็นการแก้ไขอายุการเกิดสิทธิรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพจากอายุ 55 ปี เป็น 65 ปี สำหรับผู้ประกันตนที่เกษียณ หรือสิ้นสภาพการเป็นผู้ประกันตน เมื่ออายุ 55 ปี ยังคงสามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพได้ตามปกติ ล่าสุด “มารศรี ใจรังษี” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้ชี้แจงว่าขณะนี้ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เรื่องการขยายอายุรับสิทธิประโยชน์ชราภาพจาก 55 ปี เป็น 65 ปี และสิทธิผู้ประกันตนยังคงเป็นไปตามเงื่อนไขเดิม
สิทธิผู้ประกันตนยังคงเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ใน 2 ประเด็น ดังนี้
1.ผู้ประกันตนที่อายุ 55 ปี และสิ้นสุดความเป็นผู้ประกันตน ยังคงสามารถขอรับเงินบำนาญหรือบำเหน็จชราภาพได้ตามปกติ
2.การแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคมที่กำลังพิจารณา เกี่ยวข้องกับการขยายอายุสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ถึง 65 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้แรงงานสูงอายุทำงานต่อ แต่ไม่กระทบสิทธิผู้ที่ต้องการเกษียณที่ 55 ปี
"ประกันสังคมให้ความสำคัญกับสิทธิผู้ประกันตน การเปลี่ยนแปลงใดๆ จะต้องผ่านกระบวนการพิจารณาทางกฎหมาย และรับฟังความคิดเห็นก่อนเสมอ ส่วนแนวคิดการขยายอายุเกษียณเป็นเพียงข้อเสนอเชิงวิชาการ ที่หยิบยกขึ้นหารือในเวที SSO Sustainable 2024 ยังไม่มีผลบังคับใช้และยังอยู่ในขั้นตอนศึกษา รับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนหากมีข้อสงสัย ติดต่อ สายด่วนประกันสังคม1506(ตลอด 24 ชั่วโมง) หรือสำนักงานประกันสังคมใกล้บ้าน"
อายุ60ปีสิ้นสุดผู้ประกันตนม.33
มาตรา 33 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2537 บัญญัติว่า “ให้ลูกจ้างซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ เป็นผู้ประกันตน”กฎหมายกำหนดคุณสมบัติของการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ไว้ว่า จะต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์
เมื่อลูกจ้างอายุ 60 ปี ตามกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ถือว่าเป็นการเลิกจ้างลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามมาตรา 118/1 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เมื่อลูกจ้างเกษียณอายุในขณะที่มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ เป็นผลให้ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของลูกจ้างสิ้นสุดด้วย ตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 บัญญัติไว้ว่า “ความเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 สิ้นสุดลง เมื่อผู้ประกันตน ตาย หรือ สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง
เมื่อความเป็นนายจ้างลูกจ้างสิ้นสุดลง นายจ้างมีหน้าที่ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงต่อสำนักงานประกันสังคม ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ตามมาตรา 44 แห่งพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติประกันสังคม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558 บัญญัติว่า“ในกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อความในแบบรายการที่ได้ยื่นไว้ต่อสำนักงานเปลี่ยนแปลงไป ให้นายจ้างแจ้งเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ทั้งนี้ ตามแบบและวิธีการที่เลขาธิการประกาศกำหนด
การแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ ได้แก้ไขอายุแรกเข้าการเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นอายุระหว่าง 15 – 65 ปี เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุไม่เกิน 65 ปี หากได้รับการว่าจ้างงานจะสามารถเข้าสู่ระบบประกันสังคม เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทุกกรณีได้อย่างครบถ้วน เป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการจ้างงานผู้สูงอายุอีกด้วย