"โควิด-19" โรคเฝ้าระวัง พบตัวเลขมากขึ้น ประกาศพื้นที่ระบาด ไม่ปิดประเทศอีก
โควิด-19 โรคเฝ้าระวัง หากพบตัวเลขมากขึ้นหลายจังหวัด พร้อมประกาศเป็นพื้นที่ระบาด ยันไม่ปิดประเทศซ้ำเดิม กำชับผู้มีอาการป่วยทางเดินหายใจ ต้องสวมหน้ากากอนามัย
นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากที่มีปรับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข (EOC)กรณีโรคโควิด-19 จากระดับกระทรวงฯ มาเป็นระดับกรมควบคุมโรค เนื่องจากโควิด-19เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังแล้ว ประชาชนสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้ปกติทั้งหมด เพียงแต่ผู้ที่มีอาการป่วยระบบทางเดินหายใจ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ แม้จะไม่ใช่โควิด-19 ยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย
หลังจากนี้จะมีการรายงานข้อมูลผู้ป่วยที่มีอาการหนักและผู้เสียชีวิตผ่านเว็บไซต์กรมควบคุมโรคเป็นรายสัปดาห์ ให้สอดคล้องกับที่โควิด-19ถูกปรับจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เช่นเดียวกับ โรคไข้หวัดใหญ่ ส่วนการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ผู้ที่ต้องเข้านอนรพ.จะรักษาจนกว่าอาการจะหายดี จะเน้นพิจารณาที่อาการไม่ใช่การติดเชื้อ เพราะแม้จะยังตรวจพบเชื้ออยู่ ถ้าอาการป่วยหายแล้ว ก็สามารถออกจาก รพ.ได้
นพ.จักรรัฐ กล่าวอีกว่า การเฝ้าระวัง จะต้องดูตัวเลขในคลัสเตอร์ต่างๆ ไปเรื่อยๆ โดยถ้าระบาดในจังหวัดก็จะเข้าไปควบคุมโรค หรือการสั่งปิดสถานที่ แต่ถ้าระบาดเป็นวงกว้าง ก็จะเป็นอำนาจของผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร ในการบริหารจัดการในจังหวัด หรือถ้ามากกว่า 1 จังหวัด อธิบดีกรมควบคุมโรค สามารถประกาศให้พื้นที่นั้นเป็นเขตระบาดได้ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ แต่ไม่จำเป็นต้องปิดทั้งประเทศเหมือนสมัยก่อนแล้ว ยกเว้นกรณีที่ยาและวัคซีนใช้ไม่ได้ผลแล้ว แต่ตอนนี้ยังใช้ได้ผลดีอยู่
“สิ่งที่มีการคาดการณ์ไว้ โดยใช้โมเดลของโรคไข้หวัดใหญ่เป็นตัวจับ การระบาดจะเป็นลักษณะฤดูกาล แม้จะมีผู้ที่ไม่ค่อยสวมหน้ากากแล้ว แต่มีผู้ที่เคยติดเชื้อรวมกับผู้ที่รับวัคซีนเกิน 90% มีภูมิคุ้มกันแล้ว อาการป่วยก็จะน้อย ไม่ต้องใช้ท่อช่วยหายใจ ไม่เสียชีวิต ก็จะไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเหมือนสมัยก่อนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน แต่ที่ต้องกังวลคือกลุ่มเสี่ยงที่ยังไม่รับวัคซีนเลย ผู้สูงอายุ และคนที่มีโรคประจำตัว จะต้องรณรงค์ต่อเพื่อให้เข้ารับวัคซีน” นพ.จักรรัฐ กล่าว