วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง ลดอัตราเสียชีวิตได้ดีแค่ไหน เด็กกลุ่มใดควรฉีดที่สุด
วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง สำหรับฉีดให้เด็กในกลุ่มอายุ 6 เดือน - 4 ปี เปิดความสำคัญ ป้องกันโควิด-19 และลดอัตราการเสียชีวิตได้ดีแค่ไหน เด็กกลุ่มใดควรฉีดที่สุด
วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง สำหรับฉีดให้เด็กในกลุ่มอายุ 6 เดือน - 4 ปี เปิดความสำคัญ ป้องกันโควิด-19 และลดอัตราการเสียชีวิตได้ดีแค่ไหน
โดย นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ รักษาราชการอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า
สถานการณ์โควิด-19 ในเด็กเล็ก
จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 22 ตุลาคม 2565 พบผู้ป่วยโควิด-19 เป็นเด็กอายุ 0-4 ปี จำนวน 220,593 ราย
- มีอาการปอดบวมรุนแรง 1,342 ราย
- ใส่ท่อช่วยหายใจ 365 ราย เสียชีวิต 69 ราย
- อัตราป่วยตาย 0.03%
ซึ่งพบว่ามีอัตราป่วยมากกว่าเด็กโต 1.5 เท่า และป่วยเสียชีวิตมากกว่าเด็กโต 3 เท่า
สำหรับ วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง นพ.ธเรศ กล่าวว่า สธ. ได้จัดทำแนวทางการฉีดสำหรับเด็กในกลุ่มอายุ 6 เดือน - 4 ปี โดยคำแนะนำได้พิจารณาจากคำแนะนำของอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ร่วมกับคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย และคำแนะนำภายใต้การขึ้นทะเบียนของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดแก่เด็ก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตอบข้อสงสัย "ไฟเซอร์" ฝาสีแดงเข้ม เด็ก 6 เดือน - 5 ปี ควรฉีดดีหรือไม่ ?
ประกอบกับพบเด็กเล็กที่มีภาวะ Mis C หรือ Long Covid ที่มีอาการรุนแรง ในผู้ป่วยเด็กเป็นสัดส่วนที่สูงขึ้น จึงควรเร่งรัดการฉีดวัคซีนในกลุ่มเป้าหมายเด็ก เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด และลดความรุนแรงในกลุ่มเป้าหมายเด็กเล็ก แนะนำให้เด็กทุกคนควรเข้ารับวัคซีน โดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรครุนแรงหรือเสียชีวิต
นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้จัดการประชุมอบรมแนวทางการฉีด วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ และได้จัดสรรวัคซีนลงทุกพื้นที่แล้ว โดยให้จังหวัดเป็นผู้กำหนดจำนวนวัคซีนที่ต้องการขอสนับสนุน ผู้ปกครองสามารถติดต่อขอรับบริการที่ รพ.สต. หรือโรงพยาบาลใกล้บ้าน
วัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง สามารถรับพร้อมกับวัคซีนอื่นๆในวันเดียวกันได้หรือห่างกันเท่าใดก็ได้ โดยเริ่มรณรงค์ฉีดในคลินิกเด็กสุขภาพดี (well baby clinic) พร้อมกันกับวัคซีนพื้นฐานตัวอื่น และขอความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน จัดพื้นที่บริการฉีดเป็นการเฉพาะสำหรับเด็กวัยนี้โดยเร็ว เพื่อให้เด็กจะได้มีภูมิคุ้มกันขึ้นพร้อมกันก่อนจะเข้าฤดูหนาวที่อาจจะพบการระบาดครั้งใหม่
ทั้งนี้ การรับวัคซีนเป็นไปตามความสมัครใจของผู้ปกครองและเด็ก ไม่ได้เป็นเงื่อนไขของการไปโรงเรียน
นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สนับสนุนให้เด็กไทยทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก
กำหนดการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง
- ฉีดโดสละ 0.2 ซีซี (3 ไมโครกรัม) จำนวน 3 เข็ม (สัปดาห์ที่ 0 , 4 , 12)
แม้ว่าการฉีดวัคซีนจะไม่สามารถป้องกันโรคได้ 100% แต่จะทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนจะมีภูมิคุ้มกัน เมื่อได้รับเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรง ที่สำคัญจะลดโอกาสการแพร่เชื้อสู่บุคคลอื่นหรือเด็กๆอื่น
ความปลอดภัยของการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีแดง
จากการศึกษาพบว่า มีความปลอดภัย อาการข้างเคียงไม่รุนแรง ส่วนใหญ่จะเจ็บบริเวณที่ฉีด มีไข้ อ่อนเพลีย โอกาสพบภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบน้อย เนื่องจากขนาดโดสต่ำกว่าวัคซีนไฟเซอร์ ฝาสีม่วง 10 เท่า แนะนำให้เด็กทุกคนควรเข้ารับวัคซีน โดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงต่อการป่วยรุนแรง ควรเข้ารับวัคซีน
เด็กกลุ่มเสี่ยงที่ควรฉีด
(ตามข้อแนะนำของ ราชวิทยาลังประเทศไทย และ อนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค)
- เด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี
- เด็กคลอดก่อนกำหนด
- โรคอ้วน
- โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง
- หอบหืด
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคหลอดเลือดสมอง
- โรคไตวายเรื้อรัง
- โรคมะเร็ง
- ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ
- โรคเบาหวาน
- กลุ่มโรคพันธุกรรม
- กลุ่มอาการดาวน์
ทั้งนี้ วัคซีนจะช่วยป้องกันการป่วยอาการรุนแรงหรือเสียชีวิตได้มาก