อัปเดต!วิธีใช้ระบบยืนยันและพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้สิทธิบัตรทอง

อัปเดต!วิธีใช้ระบบยืนยันและพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้สิทธิบัตรทอง

สปสช. แนะนำวิธีใช้ระบบ New Authen ยืนยันตัวตนผู้รับบริการ ทั้งแบบใช้บัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด และแบบถ่ายรูปพร้อมบัตรประชาชน เป็นเทคโนโลยีสารสนเทศใช้อ้างอิงในการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

การแนะนำหน่วยบริการ DIY เครื่อง Authentication ยืนยันและพิสูจน์ตัวตนผู้ใช้ สิทธิบัตรทอง ว่า Authentication คือกระบวนการยืนยันตัวตนผู้รับบริการว่ามีตัวตนจริงและใช้อ้างอิงใน การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล

โดยในปัจจุบัน สปสช. วางระบบการ Authentication ไว้ 4 ระบบ คือ

1.ระบบ ERM ใช้การเสียบบัตรประชาชนแบบ Smart Card (สมาร์ทการ์ด) ผ่านเครื่องอ่านบัตร หรือ รับรองโดยเจ้าหน้าที่/ผู้ปกครองโดยเสียบบัตรของผู้รับรองแทน

2.ระบบยืนยันตัวตนด้วยตนเองผ่านไลน์ออฟฟิเชียล แอคเคาท์ (LINE Official Account) ในชื่อ สปสช. โดยหน่วยบริการจะแสดง QR code แล้วให้ผู้รับบริการมาสแกน

3. ระบบ New Authen โดยสามารถใช้การเสียบบัตรประชาชนเข้ากับเครื่องอ่านบัตร หรือ ถ่ายรูปผู้ป่วยพร้อมบัตรประชาชน หรือใช้รับรองโดยเจ้าหน้าที่/ผู้ปกครองโดยเสียบบัตรของผู้รับรองแทน 

4. ระบบตู้คีออส หรือ Station ใช้การเสียบบัตรประชาชนเข้ากับเครื่องอ่านบัตรเช่นกัน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

วิธี Set up เพื่อเข้ายืนยันตัวตนสิทธิบัตรทอง

ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ในฐานะโฆษก สปสช. กล่าวว่า ทั้ง 4 วิธีนี้ หน่วยบริการสามารถเลือกใช้งานได้ตามความถนัด

การ Set up เบื้องต้นต้องมีอุปกรณ์ประกอบด้วย

1.เครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งพีซีหรือโน๊ตบุ๊ค

2.อินเทอร์เน็ต

3.เครื่องอ่านบัตรสมาร์ทการ์ด

เมื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆแล้ว เข้าไปที่หน้าเว็บไซต์ของ สปสช. เพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม E-Form Agent มาติดตั้งในคอมพิวเตอร์แล้วรีสตาร์ท 

จากนั้นในขั้นตอนการใช้งาน ให้เข้า เว็บ สปสช. ไปที่เมนู “บริการออนไลน์” และกดไปที่ “งานชดเชย” แล้วจะพบเมนู “ระบบตรวจสอบและยืนยันการเข้ารับบริการ New Authen Code” เมื่อคลิกเข้าเมนูนี้แล้ว ระบบจะเข้าไปที่หน้าเว็บสำหรับการยืนยันตัวตน ซึ่งก่อนเข้าใช้งาน หน่วยบริการจะต้องกรอก username และ password เพื่อ Log in ก่อน

 

เข้าใช้ระบบสิทธิบัตรทองด้วยขั้นตอนง่ายๆ 

ทั้งนี้ เมื่อ Log in แล้ว ในหน้าเว็บจะมีวิธียืนยันตัวตน 2 วิธีให้เลือกใช้คือ “ยืนยันตัวตนโดยผู้เข้ารับบริการ” และ “ยืนยันตัวตนแทนผู้เข้ารับบริการโดยผู้ปกครอง ผู้ดูแล ผู้รับรอง”

โฆษก สปสช. กล่าวว่า ในกรณียืนยันตัวตนโดยผู้เข้ารับบริการ ก็จะมีวิธีให้เลือก 2 แบบ คือ

  • ยืนยันตัวตนด้วยบัตร Smart Card
  • ยืนยันตัวตนด้วยเลขประจำตัวประชาชนและรูปภาพ

ในส่วนของการยืนยันตัวตนด้วยบัตร Smart Card นั้น ให้เสียบบัตรประชาชนเข้ากับเครื่องอ่าน แล้วกดคำสั่ง “ตรวจสอบข้อมูลจากบัตร Smart Card” บนหน้าจอ ข้อมูลผู้รับบริการจะถูกแสดง พร้อมทั้งสิทธิการรักษา ทั้งนี้ ให้กรอกข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ผู้รับบริการด้วย แต่หากเคยรับบริการแล้ว ระบบจะแสดงหมายเลขโทรศัพท์ให้อัตโนมัติ

“จากนั้นให้กดเลือกบริการที่จะให้บริการ ซึ่งโดยปกติระบบจะตั้งค่าไว้ที่ “เข้ารับบริการรักษาทั่วไป (OPD/IPD/PP)” แต่หากให้บริการหลายอย่างก็กดเลือกบริการอื่นๆด้วย เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว ให้กดที่เครื่องหมาย “บันทึก/ยืนยันส่ง” เพื่อยืนยันการส่งข้อมูล” ทพ.อรรถพร กล่าว

ขณะเดียวกัน ในกรณีมีกล้องเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ด้วย หน่วยบริการยังสามารถใช้วิธียืนยันตัวตนด้วยเลขประจำตัวประชาชนและรูปภาพ โดยกรอกหมายเลขประจำตัว 13 หลักของผู้รับบริการ แล้วกด “ค้นหา” ระบบจะแสดงข้อมูลผู้รับบริการ จากนั้นกด”ถ่ายรูป” แล้วให้ถ่ายรูปผู้รับบริการพร้อมบัตรประชาชน ใส่หมายเลขโทรศัพท์ เลือกบริการที่จะให้บริการ แล้วกด”บันทึก/ยืนยันส่ง” ต่อไป

 

หากไม่มีบัตรประชาชนต้องทำอย่างไร?

อย่างไรก็ตาม ในกรณีอื่นๆ ที่ไม่มีบัตรประชาชน หน่วยบริการสามารถใช้การยืนยันตัวตนแทนผู้เข้ารับบริการโดยผู้ปกครอง ผู้ดูแล ผู้รับรอง วิธีการคือให้กรอกเลขประจำตัว 13 หลักของผู้เข้ารับบริการ จากนั้นเลือกเหตุผลในการไม่ยืนยันตัวตนด้วยตัวเอง เช่น เกิดอุบัติเหตุฉุกเฉิน หมดสติ บัตรประชาชนไม่มีชิพการ์ด อายุต่ำกว่า 7 ปี เป็นต้น

จากนั้นให้เสียบบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับรองเข้ากับเครื่องอ่านแล้วกด “ตรวจสอบข้อมูลจากบัตร Smart Card” ระบบจะให้เลือกว่าเป็นผู้ปกครอง ผู้ดูแล หรือผู้รับรอง เมื่อกดเลือกในข้อนี้แล้ว ยังมีอีกหัวข้อให้เลือกความสัมพันธ์ระหว่างผู้รับรองและผู้รับบริการว่ามีความสัมพันธ์กันอย่างไร เมื่อกรอกข้อมูลเหล่านี้แล้ว ให้กรอกหมายเลขโทรศัพท์มือถือ กดเลือกบริการที่จะให้บริการ แล้วกด “บันทึก/ยืนยันส่ง” ตามปกติ

“ในกรณีผู้รับรองก็ไม่พกบัตรประชาชนมาด้วย ให้ใช้วิธีการยืนยันตัวตนด้วยเลขประจำตัวประชาชนและรูปภาพ โดยถ่ายรูปผู้รับรองแทนพร้อมกับบัตรอื่นๆเพื่อยืนยันตัวตน และเมื่อส่งข้อมูลการ Authen แล้ว หน่วยบริการสามารถค้นหารายการที่มีการ Authen แล้ว หรือค้นหารายบุคคลด้วยหมายเลขประจำตัว 13 หลักก็ได้” ทพ.อรรถพร กล่าว