สถิติ 6 วัน อุบัติเหตุ 'สงกรานต์' เจ็บ 1.7 หมื่นราย ตาย 232 ราย
สธ. เผย อุบัติเหตุช่วง 'สงกรานต์' ปีนี้ พบบาดเจ็บ 17,775 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 19% เสียชีวิต 232 ราย ลดลง 26.81% นอนรพ. 3,814 ราย เพิ่มขึ้น 81% ห่วงปัญหาบาดเจ็บ เสียชีวิต เหตุพบไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเพิ่มขึ้นถึง 91%
วันนี้ (16 เมษายน 2566) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข ได้รวบรวมข้อมูลผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 11 - 16 เมษายน 2566 ช่วงเวลา 08.00 น. พบว่า
- มีผู้บาดเจ็บสะสม 17,775 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 19.26%
- มีผู้เสียชีวิตสะสม 232 ราย ลดลงจากปีก่อน 26.81%
- ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสะสม 3,814 ราย เพิ่มขึ้น 81.84%
จังหวัดที่เสียชีวิตสูงสุด 3 อันดับ
- นครราชสีมา 12 ราย
- เชียงราย 9 ราย
- ปทุมธานีและเชียงราย จังหวัดละ 8 ราย
จังหวัดที่บาดเจ็บสูงสุด 3 อันดับ
- เชียงใหม่ 811 ราย
- นครราชสีมา 782 ราย
- ขอนแก่น 665 ราย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุจนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ยังคงเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และไม่สวมหมวกนิรภัย ซึ่งพบว่าเพิ่มขึ้นจากปี 2565 คิดเป็น 10.77% 91.95% และ 31.51% ตามลำดับ ซึ่งการดื่มแล้วขับทำให้ขาดสติ ความสามารถในการขับขี่ลดลง จึงเน้นย้ำเรื่องขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ส่วนการไม่คาดเข็มขัดนิรภัยและไม่สวมหมวกนิรภัย ยิ่งส่งผลให้การบาดเจ็บมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น”
นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า วันที่ 16-17 เมษายน 2566 เป็นช่วงที่ประชาชนเริ่มเดินทางกลับจากภูมิลำเนาหรือจากการไปท่องเที่ยว ทำให้สภาพการจราจรมีความแออัด ประกอบกับอากาศร้อนทำให้อ่อนเพลียระหว่างขับรถได้ง่าย และบางพื้นที่มีพายุฤดูร้อน ทำให้มีฝนตก การขับรถจึงยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยขอให้ผู้ขับขี่พักผ่อนให้เพียงพอก่อนการเดินทาง ตรวจเช็คสภาพรถให้มีความพร้อม ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาดเข็มขัดนิรภัย และสวมหมวกนิรภัย ซึ่งจะช่วยลดความรุนแรงลงหากเกิดอุบัติเหตุ ไม่ขับรถเร็วเกินกำหนด ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
หากมีอาการอ่อนล้า ง่วง ให้แวะจอดพักผ่อนเพื่อป้องกันการหลับใน ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เดินทางกลับอย่างปลอดภัยในช่วงเทศกาล ส่วนข้อกังวลเรื่องโควิด 19 ที่อาจเพิ่มขึ้น ขอให้เฝ้าสังเกตอาการตนเอง 7 วัน หากมีไข้ ไอ น้ำมูก หรืออาการระบบทางเดินหายใจ ให้ตรวจ ATK ระหว่างนี้ให้หลีกเลี่ยงการใกล้ชิดผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง