ภูเก็ตป่วย 'อุจจาระร่วง' กว่า 6,300 คน สสจ.เผยสถิติ 8 วัน
สสจ.ภูเก็ต เผย 8 วัน พบผู้ป่วย “อุจจาระร่วง” แล้วกว่า 6,300 คน แต่แนวโน้มการระบาดเริ่มลดลง ตรวจพบ ติดเชื้อโนโรไวรัสมากถึง 70% ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ขณะที่ผลตรวจน้ำแข็ง-น้ำ ต้องรออีก 1 สัปดาห์
ความคืบหน้ากรณีเกิดสถานการณ์การระบาดโรคอุจจาระร่วงในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นายแพทย์กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.ภูเก็ต) กล่าวว่า ขณะนี้แนวโน้มผู้ป่วย'อุจจาระร่วง'เริ่มลดลงตามลำดับ จากรายงานข้อมูลจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่างๆ ในระหว่างวันที่ 5 – 12 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา พบผู้ป่วยสะสมรวมแล้ว 6,382 ราย
โดยกระจายอยู่ทั้ง 3 อำเภอ คือ อำเภอเมืองภูเก็ต อำเภอถลาง และอำเภอกระทู้ และกระจายในทุกช่วงอายุ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ป่วยคนไทย และคนต่างชาติบางส่วน พบมากสุดในวันที่ 8 มิถุนายน 2566 ซึ่งผู้ป่วยได้เข้ารับการรักษาทั้งโรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งมีประมาณ 5% ซึ่งบางส่วนออกจากโรงพยาบาลแล้ว
โดยอาการของผู้ป่วยส่วนใหญ่ คือ ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย และมีไข้ จนถึงขณะนี้ยังไม่พบผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง โดยผลการตรวจในโรงพยาบาลพบว่าติดเชื้อโนโรไวรัสมากถึง 70 % จึงทำให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว แม้ร่างกายได้รับเชื้อปริมาณเพียงเล็กน้อย
ด้านเด็กนักเรียนก่อนหน้านี้ที่มีอาการท้องเสียเป็นกลุ่มก้อน ส่วนใหญ่อาการดีขึ้นแล้ว จากการสอบสวนโรคในเบื้องต้น ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร แต่คาดว่าน่าจะมาจากแหล่งน้ำและน้ำแข็ง โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ทำการเก็บตัวอย่างน้ำแข็งในโรงงานผลิตน้ำแข็ง 6 แห่ง และตัวอย่างน้ำใช้ ส่งตรวจหาเชื้อก่อโรค คาดว่าจะรู้ผลภายใน 1 สัปดาห์นี้
นายแพทย์กู้ศักดิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาทาง สสจ.ภูเก็ต ได้กำชับให้สถานประกอบการต่าง ๆ สถานที่จำหน่ายอาหาร ทั้งร้านค้า แผงลอย ดูแลความสะอาดให้ปลอดภัย รวมถึงแหล่งน้ำใช้ หากมีความจำเป็นจะต้องนำน้ำมาใช้ให้ใส่คลอรีนก่อน ในส่วนของสถานศึกษาให้เน้นมาตรการสุขาภิบาลอาหารในโรงเรียนอย่างเคร่งครัด ทำความสะอาดจุดเสี่ยง กำชับทุกโรงพยาบาลเตรียมยา เวชภัณฑ์ และเตียงให้พร้อมรองรับผู้ป่วย
รวมทั้งมอบหมายให้ อสม. เฝ้าระวังผู้ป่วยที่อาจเกิดขึ้นในชุมชน ซึ่งปัญหาการระบาดของโรคท้องร่วงส่งผลต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวบ้าง เนื่องจากส่วนหนึ่งมีความกังวล จึงประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ต่างๆ สร้างความเข้าใจและการป้องกันโรค แต่ขอยืนยันว่า ขณะนี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้และแนวโน้มผู้ป่วยลดลงต่อเนื่อง