โควิดวันนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รอบสัปดาห์ ล่าสุด 556 ราย เสียชีวิต 8 ราย
"โควิดวันนี้" ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16 - 22 กรกฎาคม 2566 จำนวน 556 ราย เสียชีวิตรวม 8 ราย ขณะที่ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผยโอมิครอน EG.5.1 ในไทยจะมีการระบาดเกิดอาการรุนแรง และเข้ามาแทนที่ XBB.1.16 หรือไม่?
"โควิดวันนี้" ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 16 - 22 กรกฎาคม 2566 ผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) จำนวน 556 ราย เฉลี่ยรายวัน จำนวน 79 ราย/วัน ผู้เสียชีวิต (รายสัปดาห์) จำนวน 8 ราย เฉลี่ยรายวัน จำนวน 1 ราย/วัน ขณะที่ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ เผย โอมิครอน EG.5.1 ในไทยจะมีการระบาดเกิดอาการรุนแรง และเข้ามาแทนที่ XBB.1.16 หรือไม่?
ส่วน ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล สะสม 30,866 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566) ผู้เสียชีวิต สะสม 749 ราย (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2566)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
- รู้จักโควิด-19 โอมิครอน EG.5.1 เทียบ XBB.1.16 ข้อมูลแพร่ระบาด อาการรุนแรง
- 'หมอธีระ' อัปเดตโควิด-19 สายพันธุ์ EG.5.1 พบระบาดในโปรตุเกส 25%, ออสเตรีย 17%
โดย ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ ระบุว่า โอมิครอน EG.5.1 (XBB.1.9.2.5.1) ในไทยจะมีการระบาดเกิดอาการรุนแรงและเข้ามาแทนที่ XBB.1.16 หรือไม่?
จำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจาก โควิด-19 ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าส่วนหนึ่งมาจากการระบาดขอโอมิครอน EG.5.1
ในขณะที่ประเทศไทยพบโอมิครอน EG.5.1 เพียง 6 ราย และเมื่อวิเคราะห์ความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า XBB.1.16 เป็นเพียง 1 % ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์จีโนมจนถึงปัจจุบัน สรุปได้ว่าเราควรตระหนัก แต่ไม่จำเป็นต้องตระหนก
ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมามีการระบาด โอมิครอน EG.5.1 ไปทั่วโลกเป็นอันดับ 3 ใน 4 อันดับหลักคือ XBB.1.16, XBB.1.5, EG.5.1 (XBB.1.9.2.5.1), และ XBB.1.9.1
ความชุกของ โอมิครอน EG.5.1 ในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันโดยตรวจจากจำนวนรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมที่ปรากฏในฐานข้อมูลโควิดโลก จีเสส (GISAID)ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาสูงที่สุด คือ
ประเทศจีน 985 ราย หรือประมาณ 7.228% จากโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่พบในประเทศจีน
ในอาเซียนสูงสุดคือ ประเทศสิงคโปร์ 58 ราย หรือประมาณ 1.567% จากโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่พบในประเทศสิงคโปร์
ส่วนประเทศไทยพบ 6 ราย หรือประมาณ 0.336% จากโควิดสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่พบในประเทศไทย
ทั่วโลกพบว่าโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า XBB.1.16 ประมาณ 42 %
ในประเทศจีนพบว่าโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า XBB.1.16 ประมาณ 45 %
ประเทศสิงคโปร์พบโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า XBB.1.16 ถึง 77 %
สำหรับประเทศไทยโชคดีพบโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดสูงกว่า XBB.1.16 เพียง 1 % ทำให้โอกาสที่โอมิครอน EG.5.1 จะมาแทนที่ XBB.1.16 มีน้อย
ความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) ประเมินจากสองปัจจัยหลักคือ ความสามารถในการติดต่อ (increased transmissibility) ซึ่งเกี่ยวข้องกับความสามารถของส่วนหนามของไวรัสเข้าจับกับผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อ และความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกัน (evade immunity)
โดยมีหลายปัจจัยที่ทำให้โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยในแต่ละประเทศมีค่าความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดที่แตกต่างกัน เช่น
• ประเภทของสายพันธุ์ย่อยที่แพร่ระบาดในประเทศนั้นๆ
• จำนวนตัวอย่างที่แต่ละประเทศได้ทำการถอดรหัสพันธุ์กรรมโควิด-19 ทั้งจีโนมและแชร์ไว้บนฐานข้อมูลโควิดโลก "จีเสส"
• ช่วงเวลาที่คำนวณ
• อายุเฉลี่ยของประชากร
• อัตราผู้เข้าฉีดวัคซีนครบโดส รวมทั้งการรับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น
• วินัยของประชาชนในการใส่หน้ากากอนามัย กินร้อน ช้อนกลาง เว้นระยะห่างระหว่างบุคคล การตรวจ ATK
• ประสิทธิภาพของบุคลากรด้านสาธารณสุขในการเข้าถึงประชากรทุกครัวเรือน
• ฯลฯ
- โอมิครอน EG.5.1
แม้จะจะมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้สูงกว่า XBB.1.16 แต่ ความสามารถของส่วนหนามของ EG.5.1 เข้าจับกับผิวเซลล์ผู้ติดเชื้อได้น้อยกว่า XBB.1.16 ทำให้พบว่าโอมิครอน EG.5.1 จากทั่วโลกมีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาดเฉลี่ยสูงกว่า XBB.1.16 ประมาณ 42 % หรือเพิ่มขึ้นเพียง 1.42-เท่า ในขณะที่ประเทศไทยพบโอมิครอน EG.5.1 มีความได้เปรียบในการเติบโต-แพร่ระบาด (relative growth advantage) สูงกว่า XBB.1.16 เพียง 1 % หรือ 1.01 เท่า
ดังนั้น จึงพอสรุปได้จากรหัสพันธุกรรมของโอมิครอน EG.5.1 ว่าในประเทศไทยการระบาดของ EG.5.1 ไม่น่าจะรุนแรงแตกต่างไปจาก XBB.1.16 อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ดีระยะนี้ควรเฝ้าติดตาม โอมิครอน EG.5.1 ของเพื่อนบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะในประเทศสิงคโปร์ที่มีการระบาดของ EG.5.1 มาก และพบมีผู้ติดเชื้อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น
จากรายงานล่าสุด จำนวนผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากโควิด-19 ในสิงคโปร์เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม 2566 ระหว่างวันที่ 23-29 เมษายน มีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล 568 ราย โดย 15 รายถูกส่งไปยังหอผู้ป่วยหนัก (ICU) ในช่วงสี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 2 ถึง 29 เมษายน มีผู้ป่วย 47 รายเข้ารับการรักษาในห้องไอซียู เพิ่มขึ้นจาก 43 รายในช่วงสามเดือนแรกของปี โดยสาธารณสุขสิงคโปร์เชื่อว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นไม่น่าจะเกินจำนวนเตียงที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์สามารถรองรับได้
ที่มา : Center for Medical Genomics