4 เคล็ดลับ 'ถือศีลกินเจ' ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน

4 เคล็ดลับ 'ถือศีลกินเจ' ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน

กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก แนะนำ 4 เคล็ดลับ ดูแลสุขภาพกาย – ใจ ให้แข็งแรง เน้นบริโภคอาหารที่เหมาะสม รวมถึง การออกกำลังกาย และ การทำจิตใจให้สงบ ด้วยศาสตร์ 'การแพทย์แผนจีน' ช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ

เทศกาลถือศีลกินเจ เป็นหนึ่งในประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน โดยจะปฏิบัติตนด้วยการรักษาศีล ปฏิบัติตามหลักธรรม และ งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ โดยเชื่อว่า เป็นการชําระจิตใจให้บริสุทธิ์ การงดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ แล้วเน้นการบริโภคผัก และ ผลไม้ ซึ่งอุดมไปด้วยกากใย วิตามิน แร่ธาตุ ยังช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย ช่วยให้ผิวพรรณสดใส รวมถึงการปรุงอาหารจะไม่ปรุงรสจัด ซึ่งมีผลดีต่อสุขภาพ โดยเทศกาลถือศีลกินเจ จะเริ่มต้นตั้งแต่ วันขึ้น 1 ค่ำ ไปจนถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งในปีนี้จะตรงกับวันที่ 15 - 23 ตุลาคม 2566  
 

นายแพทย์กุลธนิต วนรัตน์ ผู้อำนวยการกองการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน มีหลักการดูแลสุขภาพช่วงเทศกาลถือศีลกินเจ คือ เลือกรับประทานอาหาร ที่ดีต่อสุขภาพเพื่อให้เกิดความสมดุลของร่างกาย สำหรับการเลือกรับประทานอาหาร มีข้อแนะนำดังนี้

1.ผักและผลไม้ ที่นำมาประกอบอาหารเจส่วนใหญ่มักจะมีฤทธิ์เย็น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพร่างกายของคนบางประเภทที่ไม่ชอบความเย็น แล้วอาจทำให้มีผลกระทบต่อร่างกาย เช่น มือเท้าเย็น ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องอืด ท้องเสียง่าย ทำให้ง่วงบ่อย และ รู้สึกไม่สดชื่น ทางที่ดีก่อนจะรับประทานควรนำพืช ผักต่างๆไปปรุงด้วยความร้อนซึ่งจะทำให้ฤทธิ์เย็นลดลงได้ และไม่เกิดอาการดังกล่าวตามที่กล่าวมา

 

 

2.รับประทานอาหารให้หลากหลายครบ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างเพียงพอ ซึ่งจำพวกโปรตีนสามารถรับประทานในรูปแบบธัญพืชและพืชตระกูลถั่วได้ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง อัลมอนด์ โปรตีนเกษตร และ เต้าหู้ เพื่อทดแทนโปรตีนจากเนื้อสัตว์

 

3.ลดการรับประทานของทอด ของมัน และแป้ง หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด หวาน มัน และ เค็ม โดยตามคัมภีร์หวงตี้เน่ยจิง กล่าวว่า “การทานอาหารรสหวาน มัน เค็ม รสจัด มากเกินทำให้เกิดโรคได้” ดังนั้นควรลดอาหารรสจัด และ เปลี่ยนการปรุงอาหารจากผัดหรือใช้น้ำมันมาเป็นการลวกหรือนึ่งแทน

 

4.ไม่ควรรับประทานอาหารต่อเนื่องตลอดทั้งวัน และรับประทานอิ่มเกินไป ควรทานอาหารแต่ละมื้อโดยมีหลักที่ว่า “มื้อเช้าให้กินดี มื้อกลางวันกินให้อิ่ม มื้อเย็นกินให้น้อย” และ หลังมื้ออาหารให้ดื่มชาสมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยการย่อย เช่น ชาแดงเปลือกส้มซานจา ประกอบด้วย ชาแดง 2 กรัม เปลือกส้ม 9 กรัม และ ซานจา 7 กรัม สรรพคุณช่วยการย่อยอาหารจำพวกไขมันได้ 

 

4 เคล็ดลับ \'ถือศีลกินเจ\' ตามศาสตร์การแพทย์แผนจีน

 

 

การรับประทานอาหารเจ มีข้อพึงระวังในผู้ป่วยหรือผู้ที่กำลังพักฟื้นร่างกาย ไม่เหมาะที่จะรับประทานอาหารเจ เนื่องจากร่างกายต้องการสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อมาซ่อมแซมส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมถึงเด็กเล็กและหญิงตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ต้องการสารอาหารให้ครบถ้วนในการเจริญเติบโต และ ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีภาวะฟอสฟอรัสในเลือดสูง เพราะอาหารเจที่เป็นโปรตีนจากถั่วเหลืองจะมีปริมาณฟอสฟอรัสค่อนข้างสูง ซึ่งอาจมีผลต่อโรคดังกล่าวได้

 

ดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจ 

นายแพทย์กุลธนิต กล่าวในตอนท้ายว่า นอกจากหลักการเลือกรับประทานอาหารเจแล้ว แนะนำการออกกำลังกาย เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงในช่วงเทศกาลกินเจ เช่น รำมวยไทเก๊ก ชี่กง ว่ายน้ำ เดินเบาๆ หรือตามความเหมาะสมของสภาพร่างกาย โดยควรออกกำลังกายทุกวัน วันละ 1 - 2 ครั้ง ช่วงเช้าตรู่หรือช่วงหลังอาหารเย็น ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง พร้อมทั้ง ทำจิตใจให้สงบดำเนินชีวิตตามหลักศีลธรรม  

 

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับศาสตร์การแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก สามารถขอคําปรึกษาจากสถานบริการสาธารณสุขของรัฐทั่วประเทศ หรือติดต่อโดยตรงที่ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก 0 2149 5678 หรือช่องทางออนไลน์ที่ FACEBOOK : กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ line @DTAM