เปิดกล่อง 'ของขวัญวันเด็ก 2567' มอบ 4 สิทธิใหม่ ดูแลเด็กไทยตั้งแต่แรกเกิด
สปสช. ร่วมเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติ เปิดกล่อง 'ของขวัญวันเด็ก 2567' ดูแลสุขภาพเด็กไทยด้วยสิทธิประโยชน์ใหม่ 4 รายการ
เพิ่มความครอบคลุมการรักษาบริการดูแลเด็กไทยตั้งแต่แรกเกิด
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า วันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปีเป็น 'วันเด็กแห่งชาติ' เพื่อเฉลิมฉลองให้กับเด็กๆ ทุกคน พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนรวมถึงหน่วยงานต่างๆ เห็นความสำคัญของเด็กให้มากขึ้น ซึ่งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหน่วยงานหนึ่งที่ได้ให้ความสำคัญกับเด็กๆ ทุกคน
โดยเน้นการดูแลด้านสุขภาพเพื่อให้เด็กไทยเจริญเติบโต มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรง มีพัฒนาการที่สมวัย และเป็นประชากรที่มีคุณภาพในอนาคต จึงได้มีการบรรจุและพัฒนาสิทธิประโยชน์ที่เป็นการดูแลสุขภาพเด็กไทยมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ บัตรทอง 30 บาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- เริ่มแล้ว! 'วันเด็ก 67' นายกฯ ย้ำเด็กไทยเป็นลูกที่ดี ศิษย์ที่ดี พลเมืองที่ดี
- ‘วันเด็กแห่งชาติ’ ปี 67 มีที่ไหน จัดกิจกรรมอะไรบ้าง
'ของขวัญวันเด็ก 2567' สิทธิประโยชน์ใหม่ ดูแลเด็กไทย ดูแลเด็กทารกแรกคลอด ที่มีคุณภาพและมาตรฐานทางการแพทย์
สำหรับในปีนี้ สปสช. ได้เตรียม ของขวัญวันเด็ก 2567 เพื่อมอบให้กับเด็กไทยที่เกิดใหม่ทุกคน โดยในปีงบประมาณ 2566 ที่ผ่านมา สปสช. ได้บรรจุสิทธิประโยชน์ใหม่ 4 รายการ เพื่อมุ่งค้นหาภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพและการรักษา เพื่อให้เด็กๆ เติบโตและมีพัฒนาการที่ดี ได้แก่
1.บริการตรวจคัดกรองการได้ยินในเด็กไทยแรกเกิดถึง 6 เดือนทุกคน
- จากข้อมูลพบว่าในจำนวนเด็กแรกคลอด 1,000 คน จะมีเด็กที่มีภาวะประสาทหูเสื่อมแต่กำเนิด 1-3 คน จำเป็นต้องได้รับ 'การผ่าตัดฝังประสาทหูเทียม' ตามการวินิจฉัยของแพทย์ ก่อนอายุ 5 ปี และมีระดับการได้ยิน 90 เดซิเบลขึ้นไป โดยในกรณีผลตรวจคัดกรองพบภาวะประสาทหูเสื่อมและมีสิทธิบัตรทอง สามารถเข้ารับบริการที่หน่วยบริการเพื่อส่งต่อรับการผ่าตัดประสาทหูเทียต่อไป
2.บริการตรวจคัดกรองโรคพันธุกรรมเมตาบอลิกด้วยเครื่อง Tandem mass spectrometry (TMS) ในทารกแรกเกิดทุกคน
- เป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง ในการตรวจ 1 ครั้ง เมื่อเด็กอายุครบ 48 ชั่วโมง จะสามารถตรวจคัดกรองโรคได้ถึง 40 โรค และเป็นโรคหายากถึง 24 โรค หากตรวจพบความผิดปกติได้เร็ว จะสามารถนำเด็กเข้าสู่การรักษาได้เร็วตามไปด้วย ช่วยลดการสูญเสียชีวิตจากโรคที่มีความรุนแรง ลดความผิดปกติของสมองและสติปัญญา ลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อน
3.บริการตรวจคัดกรองโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรงในทารกแรกเกิดทุกคนด้วยเครื่องเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว (Pulse oximeter)
- เป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูงในค้นหาทารกที่มีความผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด เพื่อเข้าสู่การดูแลรักษาโดยเร็วตามสิทธิรักษาพยาบาล ก่อนอาการกำเริบรุนแรง ซึ่งอัตราพบโรคหัวใจพิการแต่กำเนิดชนิดรุนแรงในทารกฯ จำนวน 1-1.5 รายต่อการเกิดมีชีพ 1,000 ราย
4.บริการดูแลภาวะความดันเลือดในปอดสูงในทารกแรกเกิด (Persistent Pulmonary Hypertension of the Newborn)
- เพื่อลดอัตราการเสียชีวิต และครอบคลุมสิทธิประโยชน์การดูแล ให้เข้าถึงการรักษาโดยทั่วถึง
“สิทธิประโยชน์ใหม่ทั้ง 4 รายการที่เพิ่มเติมใหม่นี้ เป็นการดูแลเด็กทารกแรกคลอดที่มีคุณภาพและมาตรฐานทางการแพทย์ โดยเด็กไทยทุกคนจะได้รับบริการตรวจคัดกรองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” เลขาธิการ สปสช. กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวต่อว่า นอกจากสิทธิประโยชน์ใหม่ข้างต้นแล้ว สปสช. ยังคงมอบการดูแลสุขภาพเด็กไทยตามช่วงวัยอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่ในครรภ์มารดาด้วยสิทธิประโยชน์ฝากครรภ์คุณภาพ ต่อเนื่องด้วยการดูแลตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเติบโตเป็นวัยรุ่น อาทิ บริการวัคซีนพื้นฐานตามช่วงอายุ ไม่ว่าจะเป็น วัคซีนป้องกันวัณโรค ตับอักเสบบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรต้า หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้หวัดใหญ่และไข้สมองอักเสบเจอี เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีบริการตรวจเลือดคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ (โรคเอ๋อ) ภาวะโลหิตจาง การติดเชื้อเอชไอวี ชั่งน้ำหนักวัดส่วนสูงเพื่อติดตามการเจริญเติบโต ตรวจคัดกรองพัฒนาการ ตรวจช่องปากและฟัน เคลือบฟลูออไรด์ การให้ยาไทรอกซินป้องกันภาวะพร่องไทรอยด์ ยาบำรุงเสริมธาตุเหล็ก ยาต้านไวรัสเอชไอวี สมุดบันทึกสุขภาพและพัฒนาการ และแว่นตาหากมีภาวะสายตาผิดปกติ เป็นต้น