100 % JN.1 โควิด 19 สายพันธุ์ในไทยล่าสุด
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผย โควิด 19 ในไทย 100 % เป็นสายพันธุ์ JN.1 แพทย์ระบุรูปแบบอาการของโรคเปลี่ยนไป แนะกลุุ่่ม 608
โควิด 19 ป่วยเข้ารพ. 1,004 ราย
กรมควบคุมโรคเปิดเผยว่า โรคโควิด 19 หลังเทศกาลสงกรานต์ มีแนวโน้มผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นกลุ่มเสี่ยง 608 ได้แก่ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว ให้ระมัดระวัง หากมีอาการสงสัยป่วยควรปรึกษาแพทย์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา (วันที่ 14 – 20 เม.ย. 67) พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลจำนวน 1,004 ราย เฉลี่ย 143 รายต่อวัน พบผู้ป่วยมากขึ้นในพื้นที่กรุงเทพ ปริมณฑล และจังหวัดท่องเที่ยว และพบผู้ป่วยอาการรุนแรงปอดอักเสบ 292 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 101 ราย เสียชีวิต 3 ราย
ผู้เสียชีวิตทุกรายเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหรือมีโรคเรื้อรัง เน้นย้ำประชาชนควรยังคงรักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด หากไปในสถานที่ปิดหรือแออัด ควรสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง 608 ถ้าจำเป็นต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีคนหมู่มาก ควรสวมหน้ากากอนามัยเสมอ และล้างมือบ่อยๆ หากป่วยให้รีบไปพบแพทย์
นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า โรคโควิด 19 ขณะนี้มีลักษณะเหมือนโรคประจำถิ่น สามารถพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี เพียงแต่จะมีจำนวนมากหรือน้อยแล้วแต่ช่วงเวลา ขณะนี้มีลักษณะคล้ายคลึงกับโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั่วไป อาทิ โรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด ทั้งนี้โรงพยาบาลทุกแห่งมีความพร้อมทั้งด้านบุคคลากร เตียงรองรับผู้ป่วยเวชภัณฑ์ ตลอดจนมีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยเป็นอย่างดี
ประชาชนทั่วไปควรเน้นสุขอนามัยส่วนบุคคล และส่งเสริมให้มีการสวมหน้ากากอนามัย เมื่ออยู่ในสถานที่แออัดที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก เช่น ในการเดินทางสาธารณะ ที่โรงพยาบาล และสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ และจำเป็นต้องล้างมือบ่อยๆ หากมีอาการคล้ายหวัด ควรทำการตรวจ ATK ที่บ้าน และหลีกเลี่ยงการใกล้ชิดกับ
กลุ่มเสี่ยง 608 หากผลตรวจเป็นบวก 2 ขีด ให้สวมหน้ากากเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อและพบแพทย์โดยเร็วเมื่อมีอาการหายใจลำบาก หรืออื่นๆ หากมีอาการคล้ายหวัด และผลตรวจ ATK เป็นบวก 2 ขีด ควรสวมหน้ากากและรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการรุนแรง หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อสายด่วนของกรมควบคุมโรคได้ที่ 1422
100 % JN.1สายพันธุ์โควิด 19ในไทย
นพ.อาชวินทร์ โรจนวิวัฒน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการที่กรมดำเนินการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด 19มาอย่างต่อเนื่อง โดยการสุ่มเก็บตัวอย่างเชื้อจากผู้ป่วยในรพ.จากเครือข่ายศูนย์เฝ้าระวัง จำนวน 20 ตัวอย่างต่อสัปดาห์ หรือ 100 ตัวอย่างต่อเดือน
พบว่า จากที่เดือนม.ค.2567 เป็นสายพันธุ์ JN.1 ราว 80-90 % แต่ขณะนี้พบ 100 % โควิด 19 ในประเทศไทยเป็นJN.1 ซึ่งเป็นลูกหลานของสายพันธุ์โอมิครอน โดยเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกับทั่วโกลที่รายงานเข้าสู่ระบบฐานข้อมูลกลางของโลก (GISAID)ที่พบว่าเป็นสายพันธุ์นี้เช่นกัน
อาการโควิด JN.1
ขณะที่นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ กล่าวว่า หลังสงกรานต์ที่ผ่านมามีผู้ป่วยทางเดินหายใจเข้ามารักษาจำนวนมาก โดยเฉพาะโควิด19 เนื่องจากมีการท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ เมื่อกลับมาส่วนหนึ่งก็ติดเชื้อไวรัสโควิด
ทั้งนี้ พบว่ารูปแบบอาการของโรคโควิดเปลี่ยนไป เป็นการบ่งชี้ว่าความรุนแรงน้อยลง จากเดิมจะมีอาการทางเดินหายใจส่วนล่าง หลอดลม และปอด กลายเป็นอาการของทางเดินหายใจส่วนบน คอ จมูกมากกว่า
อาการเด่นของผู้ป่วยโควิด ที่เข้ามารักษา คือ เจ็บคอมากๆ มีไข้ต่ำ มีน้ำมูก คัดจมูกเล็กน้อย จมูกได้กลิ่น ไม่ค่อยไอเหมือนเดิมที่ผ่านมา ซึ่งเดิมจะมีอาการไอมากขึ้น แต่ก็ยังแตกต่างจากผู้ป่วยที่เดินทางไปต่างประเทศ เมื่อกลับมาแล้วติดโควิด อาจเพราะคนละสายพันธุ์ ซึ่งจะมีอาการไข้ มีไอมากกว่า แต่ไม่ค่อยเจ็บคอมากเท่าการติดเชื้อในประเทศไทย อาจเพราะคนละสายพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันไทยยังเป็นสายพันธุ์ JN.1
“ตอนนี้โควิด19 อาการไม่รุนแรง และไม่น่ากลัวเหมือนอดีต เพียงแต่ยังติดง่าย สิ่งสำคัญขอให้คนที่เริ่มมีอาการ ตั้งแต่เจ็บคอมากๆ ไข้ต่ำๆ มีน้ำมูก ให้ตรวจหาโควิดด้วยการแยงจมูกจากชุดตรวจ ATK เช่นเดิม ถ้าขึ้นเป็น 2 ขีดแสดงว่าติดเชื้อไวรัสโควิด”นพ.มนุญกล่าว