นักวิชาการสงสัย "กัญชาเป็นยาเสพติด" ล็อกสเปกใช่หรือไม่

นักวิชาการสงสัย "กัญชาเป็นยาเสพติด" ล็อกสเปกใช่หรือไม่

นักวิชาการตั้งคำถามสงสัยคืนกัญชาเป็นยาเสพติด เกิดกระบวนการล็อกสเปกกลุ่มทุนผูกขาดทางการแพทย์ไม่กี่รายใช่หรือไม่ สกัดไม่ให้แพทย์แผนไทย - หมอพื้นบ้านสั่งจ่าย เพราะเตรียมยานำเข้าจากต่างประเทศใช่หรือไม่

ความคืบหน้าการคืนกัญชาเป็นยาเสพติด คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ เห็นชอบ (ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 พ.ศ...โดยกำหนดให้ ช่อดอกกัญชากัญชง และสารสกัดที่ THC เกิน 0.2% เป็นยาเสพติด อยู่ระหว่างการรอเสนอเข้าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(บอร์ดป.ป.ส.)พิจารณาเป็นด่านสุดท้าย ก่อนส่งกลับมาให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.)ลงนาม และมีผลบังคับใช้ ซึ่งใน(ร่าง)ประกาศกำหนดมีผลบังคับใช้วันที่ 1 ม.ค.2568

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2567 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต,นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา  กรุงเทพมหานคร เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ขอให้ทบทวนเรื่องการคืนกัญชาเป็นยาเสพติด และให้ดำเนินการแบบมีเงื่อนไข

ต้องพิจารณาขัดกฎหมายใหญ่หรือไม่

นายกองตรี ธนกฤต  จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข รับเรื่องและกล่าวว่า เรื่องร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข กัญชาเป็นยาเสพติดที่มีการเพิ่มเติมแก้ไขเข้ามานั้น โดยจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ

1. ส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามสมควร

2.ในส่วนของตนจะพิจารณาตรวจสอบว่า ข้อเสนอขัดกับประมวลกฎหมายยาเสพติดหรือไม่ เพราะศักดิ์กฎหมายไม่เท่ากัน จะไปขัดกับกฎหมายใหญ่ไม่ได้ ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติด เมื่อระบุว่าเป็นยาเสพติด ก็ต้องเป็นยาเสพติด แต่กรณีที่ว่าต้องมีเงื่อนไข จะทำได้หรือไม่ ก็ต้องพิจารณาข้อกฎหมายก่อน

กัญชาสงสัยมีการล็อกสเปกเอื้อทุนใหญ่

นายปานเทพ กล่าวว่า  ถ้ายังเสนอ(ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข คืนกัญชาเป็นยาเสพติดโดยไม่มีเงื่อนไข จะนำไปสู่การล็อกสเปกให้กลุ่มทุนใหญ่ผูกขาดไม่กี่คนใช่หรือไม่  ทำให้คนไทยต้องใช้ในราคาที่แพงขึ้น โดยภายใต้ข้อกฎหมายที่ทำให้สงสัยว่ามีกระบวนการล็อกสเปกผูกขาดเอาไว้กับกลุ่มทุนใหญ่และรพ.ขนาดใหญ่เท่านั้น โดยมีการกีดกันแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านซึ่งเป็นกำลังหลักในการจ่ายน้ำมันกัญชา

เนื่องจากพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับ  7  พ.ศ.2562 ระบุว่า จะอนุญาตให้ไช้โดยรวมถึงวิชาชีพแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านด้วย แต่ในประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ระบุว่าอนุญาตให้ใช้โดยไม่ระบุ 3 วิชาชีพดังกล่าว เขียนเพียงว่าผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์หรือสาธารณสุขอื่น เป็นการเปิดให้เกิดการตีความออกกฎกระทรวงหรือกฎหมายลำดับรอง ที่จะใส่หรือไม่ใส่ 3 วิชาชีพนี้ก็ได้ 

กัญชากีดกันแผนไทยสั่งจ่าย

และก็มีข้อสงสัยว่าล็อกสเปกจริงๆ เมื่อมีการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์ไทยที่สามารถสั่งใช้ยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ที่มิใช่สารสกัดกัญชาหรือกัญชงออกเมื่อช่วงเดือนเม.ย.2567 กลายเป็นน้ำมันเดชา น้ำมันเมตตา น้ำมันการุณที่ล้วนเป็นสารสกัด จึงเป็นการล็อกสเปกไม่ให้แพทย์แผนไทยจ่ายน้ำมันกัญชาใช่หรือไม่

และเตรียมยานำเข้าจากต่างประเทศใช่หรือไม่ หรือโรงงานขนาดใหญ่ในประเทศไทยที่จะกีดกันวิชาชีพทางการแพทย์แผนไทย แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านหรือไม่  เพราะประกาศนี้ไม่มีแพทย์แผนไทยประยุกต์และหมอพื้นบ้านร่วมอยู่ด้วย

นอกจากนี้  ในประมวลกฎหมายยาเสพติดยังกำหนดให้เภสัชกรต้องอยู่ในกระบวนการผลิต จำหน่าย ตลอดเวลา ซึ่งการผลิตรวมถึงการปลูกด้วย แปลว่าเกษตรกรที่ปลูก คลินิกแผนไทย คลินิกแผนไทยประยุกต์หรือคลินิกกัญชาที่เคยจ่ายได้เองโดยแพทย์ ต้องมีเภสัชกรปฏิบัติหน้าที่ตลอดเวลาใช่หรือไม่

ถ้าใช่ ก็จะกลายเป็นผู้ที่ปฏิบัติได้จะมีแต่โรงงานใหญ่ที่มีสายการผลิตตั้งแต่ฟาร์ม โรงงานและรพ.เอกชนไม่กี่แห่ง เพราะรพ.รัฐส่วนใหญ่ไม่สั่งจ่าย นี่คือ กระบวนการล็อกสเปกกลุ่มทุนผูกขาดทางการแพทย์ไม่กี่รายใช่หรือไม่

นักวิชาการสงสัย \"กัญชาเป็นยาเสพติด\" ล็อกสเปกใช่หรือไม่
 

กัญชา วัดใจ รมว.สธ.มีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่

ตนและทีมงานจึงเสนอร่างกฎหมายวัดใจรัฐมนตรีว่า ท่านมีใครอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะร่างที่ตนเสนอแก้ไขจะแก้ปัญหาที่สังคมห่วงใยได้ก่อนเวลา ด้วยเงื่อนไขไม่ผูกขาดทางการแพทย์ ซึ่งหากท่านไม่มีใครอยู่เบื้องหลังต้องรับร่างประกาศฉบับที่ตนเสนอ ระบุยาเสพติดให้โทษแบบมีเงื่อนไข

หลักการคือ คุ้มครองคนที่ทำถูกกฎหมายทั้งหมด ทั้งผลิตภัณฑ์ ทั้งวิชาชีพการแทพย์ทุกประเภท ไม่มีการล็อกสเปกวิชาชีพทางการแพทย์ และผู้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายสมุนไพรควบคุม ตราบใดที่เขาปฏิบัติตามกฎหมายก็ไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติดให้โทษ ท่านกล้าให้หรือไม่ถ้าไม่คิดผูกขาดจริง วัดใจกันตรงนี้ เพราะจะทำให้เด็กเยาวชนที่มีการจ่ายกัญชาจะถูกลงโทษตามประมวลกฎหมายยาเสพติดทันที ไม่ต้องรอถึง 1 ม.ค.2568

กัญชา ห่วงเด็กเยาวชนหรือล็อกสเปก

“สำคัญคือ เป็นเป้าหมายจริงๆ หรือไม่ที่อ้างห่วงเด็ก และเยาวชน ห่วงสังคม หรือต้องการล็อกสเปก เพราะเงื่อนไขที่ผมเสนอทลายการล็อกสเปกทั้งหมด  แต่ถ้าไม่แก้ตามที่ผมเสนอ ประชาชนก็มีสิทธิสงสัยว่าเอาเด็กเยาวชน และสังคมเป็นข้ออ้าง  แท้จริงต้องการผูกขาดไว้กับกลุ่มทุนใหญ่ไม่กี่คนใช่หรือไม่”นายปานเทพ กล่าว 

ข้อเสนอกัญชาใช้ 4 แบบไม่ผิด

อนึ่ง (ร่าง)ประกาศกระทรวงสาธารณสุข กัญชาเป็นยาเสพติดที่นายปานเทพเสนอ สาระสำคัญ คือ ให้กัญชาหรือที่มีชื่ออื่นในสกุลเดียวกัน เฉพาะช่อดอก ยาง และสารสกัด เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ยกเว้น

1.ช่อดอก ยาง และสารสกัด ที่ถูกใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการรักษา โดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ทันตแพทย์ แพทย์แผนไทย  แพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้าน เภสัชกร สัตวแพทย์ แพทย์แผนจีน

2.ช่อดอก ยาง และสารสกัด ที่เป็นวัตถุดิบหรือสารประกอบของผลิตภัณฑ์ ตามกฎหมายผลิตภัณฑ์สมุนไพร กฎหมายว่าด้วยยา กฎหมายว่าด้วยอาหาร กฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดที่มีกฎหมายเฉพาะ รวมถึงการนำเข้า ส่งออก การขาย และการโฆษณาซึ่งผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามกฎหมายนั้น

3.ช่อดอก และยาง ที่ได้มาจากการปลูกภายในประเทศของผู้ที่ได้รับอนุญาต และเป็นผู้ปฏิบัติตามประกาศ สธ.เรื่องสมุนไพรควบคุม

4.สารสกัดจากกัญชาที่ปลูกภายในประเทศเฉพาะที่ได้รับอนุญาตให้สกัดที่ไม่ใช่สารสกัดในข้อ 1 และ 2 ซึ่งมีปริมาณสารTHC ไม่เกินปริมาณ 0.2 % โดยน้ำหนัก

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์