ปี 67 เข้ารับบำบัดยาเสพติดกว่า 2แสน  62% เป็นผู้ป่วยกลุ่มเมทแอมเฟตามีน

ปี 67 เข้ารับบำบัดยาเสพติดกว่า 2แสน  62% เป็นผู้ป่วยกลุ่มเมทแอมเฟตามีน

ปี 67 เข้ารับบำบัดยาเสพติดกว่า 2แสน  62% เป็นผู้ป่วยกลุ่มเมทแอมเฟตามีน ได้แก่ ยาบ้า ยาไอซ์ กระท่อม และโคเคน  สธ.เดินเครื่อง 4 มาตรการด้านสุขภาพจิตและยาเสพติด

เมื่อวันที่ 20 พ.ย. 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในการตรวจเยี่ยมสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชนนี (สบยช.) ว่ารัฐบาลมีนโยบายด้านสุขภาพจิตและยาเสพติด 4 ประเด็น ได้แก่ 1. เพิ่มการเข้าถึงบริการสุขภาพจิตยาเสพติด  จากข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบว่า ประเทศไทยมีผู้เสพเกือบ 2 ล้านคน มีผู้ติดยาเสพติดประมาณ 450,000 คน มีผู้ป่วยยาเสพติดสะสมในปี 2556-2567  ประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคน  แต่มีผู้ป่วยที่เข้าถึงบริการเพียงร้อยละ 40  ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่พวกเราต้องช่วยกันเพิ่มการเข้าถึงบริการดังกล่าว
ส่วนผู้เข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติดทั้งประเทศในปีงบประมาณ 2567 มี 213,024 คน จำนวนนี้อยู่ในการดูแลของ สบยช.และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ 6 แห่งในภูมิภาค 13,033 คน เป็นผู้ป่วยกลุ่มเมทแอมเฟตามีน ได้แก่ ยาบ้า ยาไอซ์ กระท่อม และโคเคน ถึง 62% ตามด้วยกลุ่ม Opiates (เฮโรอีน มอร์ฟีน ฝิ่น) 20.8% และกัญชา 9.7%

2. การคืนคนคุณภาพกลับสู่สังคม  คือ  การบำบัดรักษาผู้ป่วยจิตเวชทางการแพทย์  และการฟื้นฟูทางสังคม  ซึ่งหน่วยบริการสังกัดกระทรวงสาธารณสุข  มีเตียงจิตเวชยาเสพติด  ประมาณ 10,705 เตียง อยู่ในโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไป  8,065 เตียง  มินิธัญญารักษ์ และโรงพยาบาลชุมชน  2,640 เตียง  ซึ่งเราต้องผลักดันให้มีเตียงจิตเวชยาเสพติดให้เพียงพอ  เพื่อให้การรักษาและฟื้นฟูมีประสิทธิภาพ 

3. การป้องกันไม่ให้กลับสู่วงจรยาเสพติดอีก ผ่านแนวคิด “ชุมชนล้อมรักษ์”  หรือการบำบัดฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด  ภายใต้การมีส่วนร่วมของชุมชน เพื่อป้องกันการกลับไปสู่วงจรยาเสพติดอีก  ซึ่งมีความคืบหน้าพอสมควร  ปัจจุบันมี 2,349 ชุมชน โดยพบว่าผู้ป่วยยาเสพติดรักษาต่อเนื่อง 60 % และผู้ป่วยยาเสพติดหยุดเสพต่อเนื่องอย่างน้อย 1 ปี  26.85%

4.การให้ความรู้และสร้างความตระหนัก เพื่อส่งเสริมป้องกันการเข้าสู่วงจรยาเสพติด  โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชน  ซึ่งโครงการ To BE Number One  เป็นส่วนสำคัญมาก  ทำให้ปัจจุบันความรอบรู้ด้านสุขภาพจิต  และยาเสพติดของคนไทย  อยู่ในระดับดีถึงดีมาก 46.35 %

ทิศทางการบำบัดรักษายาเสพติด จะต้องมีเอกภาพ  และมีคุณภาพตามแนวทางสากล  ซึ่งเน้นมาตรการเพื่อหยุดเสพหรือลดการใช้ยา  โดยการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟู  ครอบคลุมทั้งทางกาย จิต และสังคม  นโยบายรับยาจิตเวชใกล้บ้าน ใกล้ใจ สะดวกไม่ต้องรอนาน  เป็นการทำงานแบบไร้รอยต่อ  เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ

เมื่อพิจารณาข้อมูลระหว่างประเทศพบว่า สมาชิกองค์การอนามัยโลกหลายประเทศ  มีการบูรณาการงานด้านสุขภาพจิต  และยาเสพติดเข้าด้วยกัน  เพื่อให้เกิดเอกภาพทั้งในเชิงนโยบาย และการดำเนินงาน ดังนั้น ผมจึงมีนโยบายให้กระทรวงสาธารณสุข บูรณาการงานด้านสุขภาพจิตและยาเสพติดเข้าด้วยกัน  เพื่อให้กรมสุขภาพจิต มีภารกิจเกี่ยวกับการดำเนินงานบำบัดรักษา และฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดอย่างครบวงจร