แบบนี้อาจถูก ‘มอมยา’ วันวาเลนไทน์ สังเกตอาการ- วิธีเอาตัวรอด

วันวาเลนไทน์ กรมการแพทย์ เตือน! ระมัดระวังยาเสพติด แนะสังเกตอาการที่อาจถูกมอมยา-ข้อปฏิบัติเอาตัวรอด ขณะที่กรมควบคุมโรค ย้ำดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำไปสู่พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ-อุบัติเหตุ สุขภาพ
นพ.สกานต์ บุนนาค รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มุมหนึ่ง"วันวาเลนไทน์"อาจกลายเป็นช่วงเวลาที่มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกล่อลวงและการใช้ยาเสพติดโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่อาจตกเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดีที่ใช้บรรยากาศของงานสังสรรค์เป็นเครื่องมือ หรือแม้กระทั่งถูก ‘มอมยา’แอบผสมลงในเครื่องดื่มโดยไม่รู้ตัว ยาเสพติดที่พบบ่อย อาทิ
- ยาเสียสาว (GHB)
- ยาเค (Ketamine)
- ยาอี (Ecstasy)
- และสารเสพติดอื่นๆ ที่มีฤทธิ์กดประสาทหรือกระตุ้นประสาท
ทำให้สูญเสียการควบคุมตัวเอง มึนงง สับสนความจำขาดหาย หรือหมดสติ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หรือรู้สึกอ่อนแรงผิดปกติ สูญเสียการควบคุมร่างกาย พูดไม่ชัด เดินเซ ทำให้เสี่ยงต่อการถูกล่วงละเมิด หรือเกิดอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ รวมถึงกลุ่มวัยรุ่นที่อาจทดลองใช้จากการชักชวนของเพื่อน โดยไม่ได้ตระหนักถึงผลกระทบร้ายแรงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งร้ายแรงที่สุดอาจทำให้เสียชีวิตได้
ด้านนพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวว่า กลุ่มวัยรุ่นที่กำลังเตรียมการสังสรรค์ หรือมีกิจกรรมในช่วงวันวาเลนไทน์ ให้ระมัดระวังตนเองให้มาก ต้องไม่นำพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มจากแก้วที่เปิดทิ้งไว้หรือรับเครื่องดื่มจากผู้อื่นที่ไม่น่าไว้วางใจ ไม่ทดลองใช้สารเสพติดทุกชนิด ไม่ว่าจะได้รับการชักชวนจากเพื่อนหรือบุคคลใกล้ชิด
หากรู้สึกมึนงงหรือมีอาการผิดปกติ ให้รีบแจ้งเพื่อนหรือผู้ที่ไว้ใจเพื่อขอความช่วยเหลือ หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่เปลี่ยวหรือแยกตัวจากกลุ่มเพื่อนไปกับบุคคลที่เพิ่งรู้จัก อาจใช้แอปพลิเคชันแชร์สถานที่อยู่กับเพื่อนสนิทหรือครอบครัวเพื่อให้สามารถติดตามตัวได้ในกรณีฉุกเฉิน
และหมั่นสังเกตอาการของเพื่อนในกลุ่ม หากพบว่ามีอาการคล้ายเมาสุราแม้ไม่ได้ดื่มหรือดื่มไปเพียงเล็กน้อย ให้รีบนำตัวออกจากสถานที่นั้นและนำส่งโรงพยาบาลทันที ขอให้วันวาเลนไทน์ในปีนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความรักที่ปลอดภัย ห่างไกลจากยาเสพติด รักตัวเองให้มาก อย่าให้ยาเสพติดทำลายอนาคตของคุณ
ทั้งนี้ หากประสบปัญหาเรื่องยาและสารเสพติด รวมถึงสุรา สามารถขอรับคำปรึกษาได้ที่สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ pmnidat.go.th หรือเข้ารับการบำบัดรักษาได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี
และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์แม่ฮ่องสอน โรงพยาบาลธัญญารักษ์ขอนแก่น โรงพยาบาลธัญญารักษ์อุดรธานี โรงพยาบาลธัญญารักษ์สงขลา และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ปัตตานี หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง
ขณะที่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้ไม่ได้จัดเป็นยาเสพติด แต่เป็น “สารเสพติด” ที่จะนำภัยมาสู่คนดื่มและคนแวดล้อมได้เช่นกัน นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ที่บางคนมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดความรุนแรง ทั้งการดื่มแล้วขับ ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ทะเลาะวิวาท และการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
รวมถึงพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ เพราะการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้การตัดสินใจผิดพลาด ขาดสติ และขาดการยับยั้งชั่งใจ เพิ่มความเสี่ยงในการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งครรภ์ไม่พร้อมและการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์
นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า หากจะมีเพศสัมพันธ์ควรป้องกันตัวเองและคู่ด้วยการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ไม่พร้อมและการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ และหากจะดื่มสังสรรค์ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเองและคนรอบข้างเสมอ เพราะไม่มีปริมาณการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับใด ที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ ขอเน้นย้ำว่า การป้องกันที่ดีที่สุด คือการไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์