อัตราคนไทยฆ่าตัวตายสำเร็จ พบ 1 ชีวิตที่จบลงมีอีก 6 คนกระทบ

สมาคมป้องกันการฆ่าตัวตายฯ เผยอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในไทย พบ 1 ชีวิตที่จบลงมีอีก 6 คนกระทบ-เสี่ยงฆ่าตัวตายตาม จับมือ 6 หน่วยงาน ร่วมป้องกัน “รับฟัง”-“ศิลปะบำบัด”
ผศ.นพ. ปราการ ถมยางกูร นายกสมาคมป้องกันการฆ่าตัวตายแห่งประเทศไทย กล่าวถึงสถานการณ์การฆ่าตายของไทยว่า ปัจจุบันพบอัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จ อยู่ที่ 5,000 รายต่อปี และในทุกครอบครัวหรือคนใกล้ชิดของผู้ที่เสียชีวิตประมาณ 6 คน จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะซึมเศร้า ท้อถอย หดหู่ หมดกำลังใจจะทำงาน หรือประกอบอาชีพ และมีความคิดที่อยากจบชีวิตตาม ไม่ว่าจะเป็น พ่อ-แม่ ,สามี-ภรรยา,ญาติ ,คนรัก ,เพื่อนสนิท ดังนั้นเมื่อมีเหตุการณ์การจบชีวิตเกิดขึ้น ต้องการฟื้นฟูดูแลสภาพจิตของกลุ่มคนเปราะบางเหล่านี้ ทำให้เกิดพลังด้านบวก สามารถกลับมามีชีวิตสู้ต่อไป สาเหตุที่คนเลือกจบชีวิตเพราะส่วนใหญ่
- ไม่มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
- ไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง
- เคยมีความคิดที่จะฆ่าตัวมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้กลับทำสำเร็จ
ดังนั้น จึงต้องค้นหาอะไร หรือปัจจัยที่ช่วยฉุดรั้งคนกลุ่มนี้ได้ และต้องเร่งเพิ่มความสุข เติมพลังใจด้านบวกให้สามารถอดทนผ่านวิกฤตของชีวิตไปได้ รวมถึงการใช้วิธี กลุ่มจิตบำบัด PRAKARN Model ลดความทุกข์ใจของตน ลดการโทษตนเอง ที่เคยฝันร้ายให้ สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติขึ้น ช่วยผู้ที่มีปัญหาได้ระบายความทุกข์ในใจอย่างน้อย 6 ครั้งขึ้นไป
“ทุกคนล้วนรักชีวิต ไม่มีใครอยากจบชีวิต แต่เพราะไม่มีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยพบว่า 10 % ของคนที่ฆ่าตัวตายสำเร็จ เป็นคนที่เคยมีประวัติพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน และยังพบว่าคนในครอบครัวของผู้เสียชีวิตเองก็มีความคิดที่อยากจบชีวิตตาม ”ผศ.นพ. ปราการ กล่าว
สมาคมป้องกันการฆ่าตัวตาย จึงได้ร่วมกับ 6 สมาคมฯและเครือข่าย ประกอบด้วย สมาคมจิตแพทย์แห่งประเทศไทย ,สมาคมสะมารินตันส์แห่งประเทศไทย ,สมาคมสายใยครอบครัว ,สมาคมสมาพันธ์ผู้ดูแลไทย และเครือข่ายก่อการต้านเศร้า ในการช่วยสนับสนุนเผยแพร่ข้อมูลทางวิชาการเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายที่เปิดเผยได้ นำมาสู่การป้องกันและช่วยเหลือประชาชน และช่วยเยียวยาจิตใจของผู้ที่มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย
“รับฟัง”ช่วยลดการฆ่าตัวตาย
“กระบวนการลดการฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้นในสังคม ทุกฝ่ายสามารถร่วมกันทำได้ด้วย การรับฟัง เป็นการช่วยให้คนที่มีความทุกข์ได้ระบายออก และอีกหนทางหนึ่งคือการใช้ศิลปะบำบัด ในกรณีที่บางคนไม่อยากเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวแต่สามารถระบายออกได้ด้วยการวาดภาพ หรือการแต่งแต้มรูปภาพ ระบายสี ล้วนสะท้อนถึงความคิดและจิตใจของคน” ผศ.นพ.ปราการ กล่าว
ขณะที่ผศ.พ.ต.หญิง ดร.พนมพร พุ่มจันทร์ ภาควิชาจิตวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ ในฐานะกรรมการสมาคมป้องกันการฆ่าตัวตาย กล่าวว่า “การรับฟัง” เป็นเครื่องมืออย่างง่ายที่ช่วยคนที่มีทุกข์ใจ หรือความเครียด เสี่ยงฆ่าตัวตายได้ระบายความทุกข์ แต่เทคนิคการรับฟังนี้ จะแตกต่างจากทั่วไป คือ ต้องไม่ใส่ความคิดเห็น หรือประสบการณ์ส่วนตัวของคนที่ทำหน้าที่รับฟังลงไปในทันที เพื่อเปิดโอกาสให้ได้ระบายของทุกข์ในใจออก
ต่อจากนั้นใช้ภาษาภายแสดงออกถึงความห่วงใย ช่วยให้คนทุกข์ใจรู้ว่า ไม่ได้อยู่ลำพัง มีคนใส่ใจ และคอยห่วงใย เช่น แววตาที่มองด้วยความอาทร หรือ การใช้มือโอบสัมผัสที่แผ่นหลัง หรือ โอบกอด อย่างเงียบๆ ไม่ต้องรีบที่จะเช็คน้ำตาให้ทันที เพราะกลไกของมนุษย์บางคนจะพยายามมีจิตใจเข้มแข็งไม่แสดงออก แต่สักระยะหนึ่งจะรู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยระบายออก และจะค่อยๆนิ่งสงบลง จากนั้นค่อยเริ่มทบทวนและหาทางออก แม้จะไม่มีวิธีหรือทางแก้ในทันทีแต่ได้ระบายความทุกข์ออก
“คนเศร้าหยุดไม่ได้ แค่นั่งอยู่ด้วยอย่างเงียบๆ หายใจไปด้วยกัน ปล่อยให้เค้าได้ระบายออกสิ่งที่อยู่ภายในจิตใจ ก็ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ ไม่ต้องรีบหาทางแก้ หรือรีบยื่นทิชชู่ให้ เพื่อให้เค้าหยุดร้อง แต่ให้เค้าได้ระบายความทุกข์ในใจ สักระยะจนหมด ใจก็จะเบาลง สบายใจขึ้น เพราะได้ระบาย ได้ยินเสียงความทุกข์ของตนเอง เกิดฉุกคิด ว่าความทุกข์บางอย่างเราอาจเคยผ่านมา และตอนนั้นผ่านมาได้อย่างไร” ผศ.พ.ต.หญิง ดร.พนมพร กล่าว
ศิลปะบำบัดเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจ
ผศ.ดร.เลิศศิริร์ บวรกิตติ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และกรรมการสมาคมป้องกันการฆ่าตัวตาย กล่าวว่า ศิลปะบำบัดเป็นอีกหนึ่งวิธีของการบำบัดพฤติกรรม และเยียวยาฟื้นฟูสภาพจิตใจของกลุ่มคนที่มีความทุกข์ทางใจ โดยการใช้ศิลปะช่วยทำให้เกิดความคิด และอารมณ์ด้านบวก หรือช่วยให้กลุ่มคนที่มีความทุกข์แต่ไม่อยากพูด เพื่อเปิดเผยเรื่องราว แสดงออกผ่านภาพวาดหรืองานศิลปะ ผ่านสีที่ระบายออก หรือรูปภาพ สติ๊กเกอร์ที่ปะติดปะต่อ ร้อยเรียงเกิดรูปภาพหรือเรื่องราวต่างๆ ก็สามารถทราบได้ทันที คนเหล่านี้คิดอย่างไร มีบุคลิกภาพอย่างไร
นอกจากนี้การใช้ศิลปะบำบัด ยังครอบคลุมไปถึง การพับนก หรือ การร้อยลูกปัดช่วยให้ถึงสมองและเป็นการบำบัดภาวะสมองเสื่อม หรือ อัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุได้อีกด้วย เพราะจะช่วยให้เกิดการจดจำแบบแผนในการพับ หรือ ในการเรียงร้อยเม็ดสีของลูกปัด
“การทำศิลปะบำบัด ไม่จำกัดว่าต้องวาดรูปสวย แต่ใช้ภาพที่วาด สีที่ระบายวิเคราะห์บุคลิกภาพของคน หรือ ปมในใจที่เค้าเหล่านี้ประสบพบเจอ แต่ต้องใช้ระยะเวลาในการประเมิน 5-8 ครั้งขึ้นไป ถึงจะทราบผล และหากสงสัยว่ากลุ่มคนที่วาดภาพนี้มีความเสี่ยงหรือแนวโน้มที่จะมีอารมณ์รุนแรงสามารถประสานจิตแพทย์ ให้คอยประกบหรือให้การช่วยเหลือ หรือบอกกล่าวกับครอบครัวเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป ”ผศ.ดร.เลิศศิริร์ กล่าว