11 กลุ่มยาในชีวิตประจำวัน เสี่ยงขับรถ 'หลับใน' กินอย่าขับ

กรมควบคุมโรคเปิดกลุ่มยาในชีวิตประจำวัน กินแล้วง่วงซึม เสี่ยงหลับในกินแล้วควรเลี่ยงขับรถ จนกว่าหมดฤทธิ์ยา ลดอุบัติเหตุสงกรานต์ 2568
"เทศกาลสงกรานต์ 2568" ขับรถไม่ว่าจะเป็นระยะทางสั้นหรือยาว ไม่เพียงแต่การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เท่านั้นที่มีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ “ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม”
ในส่วนของยาที่ใช้ในชีวิตประจำวันหลายชนิด หากกินก่อนขับรถก็มีความเสี่ยงในการทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน เนื่องจากยามีฤทธิ์ทำให้ง่วง ซึม
นพ.ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล อธิบดีกรมควบคุมโรค(คร.) ให้ข้อมูลว่า ยาหลายชนิดมีฤทธ์ทำให้ง่วงซึม หากขับขี่หลังรับประทานยา จะเสี่ยงต่อการ"หลับใน"และการตัดสินใจจะช้าลงทำให้เกิดอุบัติเหตุได้สูง จึงขอให้คำแนะนำประชาชน หากรับประทานยาในกลุ่มเหล่านี้ไม่ควรขับรถหรือทำงานกับเครื่องจักรขณะใช้ยาในกลุ่ม
- ยาคลายเครียด
- ยานอนหลับ
- ยาโรคซึมเศร้า
- ยากันชัก
- ยารักษาอาการปวดเส้นประสาท เช่น กาบาเพนติน (Gabapentin)
- ยาแก้ปวดอย่างแรง เช่น มอร์ฟีน, ทรามาดอล (Tramadol), โคเดอีน (Codeine)
- ยาคลายกล้ามเนื้อ เช่น ยาบาโคลเฟน (Baclofen), โทลเพริโซน (Tolperisone), (โอเฟนนาดรีน) Orphenadrine
- ยาแก้แพ้ แก้คัน ลดน้ำมูก เช่น ยาคลอเฟนนิรามีน (Chlorpheniramine), ไฮดรอกไซซีน (Hydroxyzine)
- ยาแก้ไอทั้งแบบเม็ดและยาน้ำ ที่มีส่วนผสมของ โคเดอีน (Codeine) หรือ เดกซ์โทรเมทอร์แฟน (Dextromethorphan)
- ยาแก้เมารถ เมาเรือ ยาไดเฟนไฮดรามีน (Diphenhydramine)
- ยาต้านอาการท้องเสีย (Loparamine)
“สถานการณ์อุบัติเหตุทางถนนจากศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ที่พบสาเหตุจากการหลับในที่มีปัจจัยเสี่ยงจากการรับประทานยาที่มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ทำให้เกิดอาการง่วงและหลับใน กรมควบคุมโรค จึงขอให้คำแนะนำประชาชนที่จำเป็นต้องใช้ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วง มีความเสี่ยงต่อการหลับใน หลีกเลี่ยงการขับขี่”
ขณะที่ นพ.เอนก มุ่งอ้อมกลาง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการง่วงจากยามักไม่ได้เกิดทันทีหลังกินยา แต่มักเกิดขึ้นภายใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยา และอาการง่วง มักมีอาการต่อเนื่องต่ออีกหลายชั่วโมงขึ้นอยู่กับชนิดของยา
หากรับประทานควรหลีกเลี่ยงการขับรถในระยะเวลาที่ยาออกฤทธิ์ นอกจากกฤทธิ์ของยา สภาพร่างกายในช่วงที่เจ็บป่วยไม่สบาย จะอ่อนเพลีย อ่อนล้าได้มากกว่าปกติ ทำให้มีภาวะเสี่ยงต่อการหลับในเมื่อไปขับรถได้สูง โดยเฉพาะการขับขี่ระยะทางไกล จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่เช่นกัน
พญ.ศิริรัตน์ สุวรรณฤทธิ์ ผู้อำนวยการกองป้องกันการบาดเจ็บ ได้กล่าวว่า ตัวอย่างยาข้างต้นเป็นยาที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อย แต่ยังมียาอีกหลายชนิดที่มีต่อจิตประสาททำให้ง่วงได้เช่นกัน ทั้งนี้ ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรเมื่อได้รับยา รวมทั้งควรอ่านฉลากยาก่อนกินยา จะมีคำแนะนำ ข้อควรระวังหรือผลข้างเคียงของยา