เช็ก 4 มาตรการป้องกัน "ลืมเด็กในรถ" เผยสถิติ 7 ปี เกิดเหตุ 129 ครั้ง
สสส.-ศวปถ. วอนให้เหตุการณ์ “น้องจีฮุน” ลืมเด็กในรถ...บีบหัวใจพ่อแม่เป็นกรณีสุดท้าย เผยสถิติ ปี 2557-2563 เกิดเหตุ "ลืมเด็กไว้ในรถ" 129 ครั้ง เสียชีวิต 6 ราย แนะ 4 มาตรการป้องกัน พร้อมเพิ่มขั้นตอน "Double Check" เฝ้าระวังดูแล สร้างความปลอดภัยนักเรียนบนรถรับ-ส่ง
จากเหตุการณ์ที่ น้องจีฮุน นักเรียนชั้น ป.2 อายุ 7 ขวบ ถูกลืมบนรถรับ-ส่งนักเรียน และเสียชีวิตภายในรถตู้ เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ที่ผ่านมา
ปี 2557 - 2563 เด็กถูกลืมในรถ 129 ครั้ง เสียชีวิต 6 ราย
"นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์" ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า ข้อมูลของ กรมควบคุมโรค ปี 2557-2563 มีเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็ก
- ถูกลืมไว้ในรถมากถึง 129 ครั้ง
- ในจำนวนนี้มีเด็กเสียชีวิต 6 ราย
- เป็นรถตู้รับ-ส่งนักเรียน 5 ราย
- เป็นรถส่วนบุคคลของครู 1 ราย
เมื่อเด็กติดอยู่ในรถ และจอดตากแดดเป็นเวลานาน อุณหภูมิในรถจะเพิ่มขึ้น 10 องศาเซลเซียส และค่อยเพิ่มขึ้นได้ถึง 40-50 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดอาการ "ฮีทสโตรก" เกิดภาวะเลือดเป็นกรด อวัยวะต่างๆ ล้มเหลว ทั้งระบบหายใจ ระบบไหลเวียนเลือด และไต จนทำให้เสียชีวิต จึงขอเน้นย้ำการดูแลเช็คเด็กก่อนขึ้นลงรถทุกครั้ง เพื่อให้เคสน้องจีฮุน เป็นเหตุการณ์สุดท้ายในการลืมเด็กบนรถจนเสียชีวิตในที่สุด
4 มาตรการ ป้องกันเด็กติดในรถ
นพ.ธนะพงศ์ กล่าวต่อว่า มาตรการในแก้ไขปัญหาเด็กติดในรถสามารถทำได้โดย
1. การเช็คจำนวนเด็กนักเรียนทั้งก่อนขึ้นรถและหลังลงจากรถ
2. การนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอย่างที่หลายๆ โรงเรียนทำ คือ ระบบสแกนบัตรนักเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองและครูทราบว่าเด็กเข้าโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว และการติดกล้องในรถเพื่อบันทึกภาพสำหรับตรวจเช็ค
3. การฝึกฝนให้นักเรียนสามารถช่วยเหลือตนเองบนรถขั้นเบื้องต้นได้ เช่น สอนการเปิดประตู การบีบแตร การร้องขอความช่วยเหลือ
4. การติดตั้งอุปกรณ์ช่วยชีวิตในรถรับ-ส่งนักเรียน อาทิ ค้อนทุบกระจกกรณีฉุกเฉิน
ซึ่งทั้ง 4 ข้อ ยังขาดการติดตามกับดูแล ศวปถ. จึงเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกข้อกำหนดในการดูแลเฝ้าระวัง และทำการตรวจสอบแบบ 2 ชั้น หรือ ‘Double Check’ เหมือนการเช็คผู้โดยสารบนเครื่องบิน ที่เช็คทั้งก่อนขึ้นเครื่องบิน บนเครื่องบิน และหลังลงจากเครื่องบิน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยเด็กนักเรียนที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังรวมถึงการกำหนดบทบาทหน้าที่ครูหรือเจ้าหน้าที่ ที่จะมาทำหน้าที่ในแต่ละครั้งให้ชัดเจน และมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น
นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า การลืมเด็กรถรับ-ส่งนักเรียน และรถส่วนตัวของผู้ปกครองพบได้บ่อยครั้ง แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 นักเรียนเรียนออนไลน์จึงไม่ค่อยพบปัญหานี้ แต่ขณะนี้โรงเรียนในหลายจังหวัดเปิดภาคเรียนได้ตามปกติ จึงต้องดูแลความปลอดภัยให้เป็นเรื่องพื้นฐานและเข้มงวดมากขึ้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายมองให้เห็นปัญหาและสาเหตุที่แท้จริง โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ
เพิ่มความระวัง อุบัติเหตุรถรับส่ง
นอกจากปัญหาการลืมเด็กไว้บนรถแล้ว สสส. ยังให้ความสำคัญกับปัญหารถรับ-ส่งนักเรียนด้านอื่นๆ อีก อาทิ อุบัติเหตุบนถนนของรถรับ-ส่งนักเรียน ซึ่งที่ผ่านมาเริ่มพบมากขึ้นจากการเปิดเรียน ข้อมูลที่รวบรวมโดย ศวปถ. ตั้งแต่ ม.ค.- มิ.ย.65 พบว่า
- อุบัติเหตุรถรับ-ส่งนักเรียน 16 ครั้ง
- มีนักเรียนบาดเจ็บมากกว่า 165 คน
การป้องกันอุบัติเหตุในรถรับ-ส่งนักเรียน จึงควรต้องมีทั้ง กำหนดเป็นนโยบายสำคัญของโรงเรียน มีมาตรฐานรถและคนขับ การคาดเข็มขัดนิรภัยบนรถ กำกับความเร็วของรถรับ-ส่งนักเรียน และสร้างเครือข่ายร่วมขับเคลื่อนดูแลในพื้นที่ให้ครอบคลุมทุกด้าน