"จ่าคลั่ง" ทหารยิงทหารดับ 2 "ผบช.น." รุดสอบปากคำ - พี่สาวเหยื่อทำใจไม่ได้
อัปเดตความคืบหน้า เหตุระทึกขวัญกลางกรุง "จ่าคลั่ง" ทหารยิงทหารดับ 2 "ผบช.น." รุดสอบปากคำ - พี่สาวเหยื่อทำใจไม่ได้
เผยนาทีตำรวจเข้าเจรจานานกว่า 30 นาที ก่อน "จ่าคลั่ง" ทหารยิงทหารด้วยกันยอมมอบตัว ขณะที่ "ผบช.น." พร้อมด้วย รอง ผบช.น. รุดสอบปากคำ "ทหารคลั่ง" กราดยิงเพื่อนร่วมงาน ภายในพื้นที่กรมยุทธศึกษาทหารบก ขณะที่พี่สาวเหยื่อ ยังไม่รู้สาเหตุถูกยิง เผยเจ้าตัววางแผนหลังเกษียณไว้แล้วแต่มาเสียชีวิตก่อน ยังทำใจไม่ได้รอรับศพก่อน
เหตุการณ์ระทึกเช้านี้ ทหารกราดยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต ก่อนยอมเข้ามอบตัว เหตุเกิดเมื่อเวลา 08.45 น. ที่ผ่านมา เกิดเหตุมีการใช้อาวุธปืนยิงกัน ภายในกรมทหาร กรมยุทธศึกษาทหารบก ย่านถนนเทอดดำริ กทม. เบื้องต้นมีรายงานว่าทั้งผู้เสียชีวิต 2 ราย และผู้ได้รับบาดเจ็บ
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ พบกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจปราบปรามจากของ สน.ดุสิต กำลังปิดกั้นถนนเทอดดำริ พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่ง เข้าไปเจรจากับผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ระหว่างการยืนอยู่บริเวณริมกำแพง ด้านหน้ากรมยุทธศึกษาทหารบก จากการสังเกตพบว่าผู้ก่อเหตุุอยู่ในอาการสงบนิ่ง ในมือข้างขวาถือโทรศัพท์ ส่วนมือข้างซ้ายจะถืออาวุธปืน ที่ใช้ก่อเหตุอยู่ตลอดเวลา
ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้เวลาการเจรจาประมาณ 30 นาที ผู้ก่อเหตุจึงมีการลดอาวุธ นำเครื่องกระสุนออกจากปืน โดยการนำแมกกาซีน ออกจากตัวปืนและสไลด์ นำกระสุนที่ค้างอยู่ในรังเพลิงออก ก่อนจะมีการเก็บอาวุธปืนและมอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่่ตำรวจที่ทำหน้าที่เจรจาอยู่
ระหว่างการเจรจา เจ้าหน้าที่่ได้ส่งสัญญาณมือบอกไม่ให้เพื่อนตำรวจนายอื่นวิ่งเข้าชาร์ต เนื่องจากเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจจะมีการตกใจ จนเจ้าหน้าที่เจรจาสามารถเข้าถึงตัวผู้ก่อเหตุได้ในเวลาต่อมา จึงมีการยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนคุมตัว ผู้ก่อเหตุเดินกลับเข้าไปภายในกรมยุทธศึกษาทหารบก เพื่อทำการพูดคุยเบื้องต้นกับเจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้ใหญ่
ต่อมา พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) พร้อมด้วย พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ เพื่อสอบปากคำผู้ก่อเหตุ ซึ่งขณะนี้ ยังอยู่ภายในพื้นที่กรมยุทธศึกษาทหารบก
ด้านอดีตเจ้าหน้าที่สรรพาวุธทหารบก อายุ 61 ปี พี่สาวจ่าสิบเอกนพรัตน์ เหยื่อผู้ถูกยิงในที่เกิดเหตุ ที่ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุได้เปิดเผยว่า ตนเป็นอดีตข้าราชการทหาร ที่ทำงานอยู่ที่กรมสรรพวุธทหารบก ส่วนตัวยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องชาย เพราะก่อนหน้านี้ก็ได้คุยกับน้องชายก็ไม่เคยได้เล่าปัญหาอะไรให้ฟังว่าภายในองค์กรมีเรื่องผิดใจกับใครหรือไม่
" ไม่รู้จักผู้ก่อเหตุ เพราะน้องชายไม่เคยพาหรือมาแนะนำให้รู้จัก ตอนนี้อยากรู้ว่าสาเหตุของการก่อเหตุมาจากเรื่องอะไร ทำไมถึงต้องทำรุนแรงกันกับน้องชายของขนาดนี้ เพราะน้องชายเหลืออายุราชการอีกเพียง 2 ปี เขาจะเกษียณกลับไปอยู่บ้านตามที่ได้มีการพูดคุยกันไว้ ก่อนหน้านี้ไม่คิดว่าจะมาเกิดเรื่องร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิตกับน้องชายแบบนี้ ยังทำใจไม่ได้ ขนาดนี้ยังไม่รู้ว่าต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่จะมีการเดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูศพน้องชายก่อน"
