เกิดเป็นหญิง แท้จริงไม่ลำบาก | วรากรณ์ สามโกเศศ

เกิดเป็นหญิง แท้จริงไม่ลำบาก | วรากรณ์ สามโกเศศ

ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเราอย่างชัดเจนก็คือ "ผู้หญิงมาแรง"  กล่าวคือสัดส่วนตำแหน่งงาน ที่สำคัญของราชการและเอกชนเป็นของผู้หญิงมากขึ้น

บัณฑิตเกียรตินิยมในแต่ละปีของทุกมหาวิทยาลัยล้วนเป็นผู้หญิงทั้งนั้น     คณะในมหาวิทยาลัยที่มีการแข่งขันกันมากก็มีผู้หญิงสอบเข้าได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ในการแข่งขันใดก็ตาม  รางวัลชนะเลิศมักเป็นผู้ของหญิง ฯลฯ อย่างไรก็ดียังไม่มีงานวิจัยอย่างลึกซึ้งในเรื่องของสาเหตุ    

ผลที่เกิดขึ้นและการแก้ไขถึงแม้จะเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะผู้หญิงถูกหาประโยชน์มาเนิ่นนานแล้วก็ตาม ปรากฏการณ์นี้มิได้เกิดขึ้นเฉพาะในประเทศไทย    หากเกิดขึ้นทั้งโลกโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตก    ขณะนี้เป็นประเด็นที่มีการพูดถึงกันในระดับโลก

หนังสือชื่อ  Of Boys and Men (2022)  โดย Richard V. Reeves ถูกกล่าวขวัญกันมากเพราะได้เปิดประเด็นเรื่องนี้ขึ้นมา เขารวบรวมข้อเท็จจริงในสหรัฐอเมริกามาดังนี้  

(1) ในห้องเรียนเด็กชายมีปัญหาในการเรียนมากกว่าเด็กหญิงโดยเฉลี่ย  สำหรับเด็กอายุ 5 ขวบ  เด็กหญิงมีความพร้อมมากกว่าเด็กชาย 14% เมื่อวัดจากคะแนนโดยเปรียบเทียบในกลุ่มที่พ่อแม่มีคุณลักษณะเหมือนกัน  

(2)  เมื่อถึงชั้นมัธยมปลาย   สองในสามที่ได้คะแนนสูงสุด 10% ของชั้นเรียนคือผู้หญิงและสองในสามของคะแนนต่ำสุด 10%  คือผู้ชาย  

(3) ในปี 2020  ในคณะนิติศาสตร์  16 แห่งของมหาวิทยาลัยชั้นยอดของสหรัฐ     ไม่มีผู้ชายแม้แต่คนเดียวที่เป็นบรรณาธิการของวารสารของคณะ (คนที่ได้คะแนนสูงสุดประกอบความเหมาะสมอื่น ๆ จะได้รับเกียรตินี้)

(4)  ผู้ชายก็สู้ผู้หญิงไม่ได้ในเรื่องงาน   หนึ่งในสามของชายที่เรียนจบเพียงชั้นมัธยมปลาย (5 ล้านคน) ว่างงาน   ซึ่งเป็นตัวเลขที่เลวร้ายสุดสำหรับชายอายุ 25-34 ปี    

(5) ในด้านผลตอบแทน   ผู้ชายที่เริ่มทำงานในปี 1983 ได้รับผลตอบแทนในรูปของค่าเงินที่แท้จริงตลอดชีวิตน้อยกว่าคนรุ่นพ่อ  ในขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน   ผู้หญิงได้รับเพิ่มขึ้น 33%  

(6) ในด้านสังคม  สามในสี่ของจำนวนผู้เสียชีวิตจากเรื่องการใช้ยาเสพติดและฆ่าตัวตายเป็นชาย  

เกิดเป็นหญิง แท้จริงไม่ลำบาก | วรากรณ์ สามโกเศศ

(7) ตอนโควิด-19 ระบาดตั้งแต่แรกถึงกลางกันยายนในปี 2021   ทุก ๆ หญิงกลางคน 100 คน ที่ตายจากโควิด-19   จะมีชายตายด้วยโรคเดียวกัน 184 คน    

(8) ในสหรัฐอเมริกา 57% ของปริญญาตรีเป็นผู้หญิง และตัวเลขคล้ายคลึงกันปรากฏในโลกตะวันตกด้วย ฯลฯ  

ตัวเลขคร่าวๆ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า   ชายกำลังสู้หญิงไม่ได้    หลายคนอาจสะใจและบอกว่า “ถึงทีข้าเอ็งอย่าร้อง”   แต่ในเชิงวิชาการแล้วการเข้าใจปรากฏการณ์และสาเหตุจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่เป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่ายต่อไปในอนาคต   
นักคิดหลายคนให้ความเห็นหลากหลายกัน และกินความไปถึงเรื่องความแข็งแกร่งทางร่างกายของหญิงที่โดยแท้จริงแล้วเหนือกว่าชายด้วย  Reeves และคนอื่น ๆ ให้ความเห็นว่า

(1)  อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมในเชิงกีดกันกระทบเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง   ตัวอย่างเช่นในชุมชนยากจนและครอบครัวมีปัญหา     เด็กหญิงมีความสามารถที่จะ “ปีนกำแพง” หนีออกมาได้สูงกว่าเด็กชาย    

ในแคนาดางานวิจัยพบว่าในครัวเรือนที่ยากจนที่สุด    มีความเป็นไปได้ที่ผู้ชายจะยากจนเหมือนเดิมสองเท่าของผู้หญิงในลักษณะเดียวกัน   นอกจากนี้ลูกชายของพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวมีอัตราเข้าเรียนมหาวิทยาลัยต่ำกว่าลูกสาวที่อยู่ในสภาพเดียวกัน  

(2)  โครงการต่าง ๆ ที่ช่วยเหลือการเลื่อนฐานะในสังคมมักได้ผลกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง   เช่น   การเรียนหนังสืออย่างต่อเนื่อง    การรักษางานที่มีอยู่    การได้รับปริญญา   ฯลฯ      

(3)  ผู้ชายกำลังลำบากส่วนหนึ่งเพราะงานในโรงงานจำนวนมากไม่พึ่งพาความแข็งแรง   เช่น   การยกของหรือแบกหามของคนทำงานชายอีกต่อไปเพราะมีการใช้หุ่นยนต์ และเครื่องทุ่นแรงมากขึ้นทุกที    

เกิดเป็นหญิง แท้จริงไม่ลำบาก | วรากรณ์ สามโกเศศ

(4)  ผู้หญิงมักมีพลังใจในการทำงาน มีความทะเยอทะยาน    ต้องการทำงานหนัก   มีการวางแผน ฯลฯ  ที่เหนือกว่าผู้ชาย

(5)  ผู้ชายจำนวนมากมีชีวิตที่เปล่าเปลี่ยวและอันตราย    ประมาณร้อยละ 15 ของชายไม่มีเพื่อนสนิท    โดยเพิ่มจาก 3% ในปี 1990    หนึ่งในห้าของคนเป็นพ่อมิได้อยู่กับลูก (ในปี 2014 สัดส่วนคนหนุ่มอยู่กับพ่อแม่สูงกว่าอยู่กับภรรยา หรือแฟน)

 (6) สังคมมิได้ปลูกฝัง และฝึกฝนทักษะด้านอารมณ์ (emotional skills) ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในโลกปัจจุบันอย่างเพียงพอให้แก่เด็กชายเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่วัฒนธรรมกำหนดมาให้คือการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องมีความเชื่อมั่นและมีความสามารถ

 สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างมากในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา  แต่ดูเหมือนเพศหญิงจะสามารถปรับตัวให้สอดคล้องได้ดีกว่าดังหลักฐานที่ได้เห็น    

หลายคนมีความเห็นว่าสิ่งที่เห็นนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะโดยธรรมชาติหญิงมีลักษณะธรรมชาติที่แข็งแกร่ง  ทนทาน   มีความสามารถในการต่อสู้กับความยากลำบาก (ภาษาสมัยใหม่เขาเรียกว่า “ถึก”)   มีความอดทน  และอดกลั้นสูงกว่าชายดังนั้นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างสูงจึงเป็นโอกาสให้หญิงได้แสดงความสามารถออกมา

 มีผู้ให้ความเห็นในเรื่องความแข็งแกร่งของหญิงดังนี้  

(1) มีหลายคำจำกัดความของ “ความแข็งแรง”   ถ้าเป็นความแข็งแรงทางกายภาพ  เช่น  ร่างกายสูงใหญ่    สามารถยกของหนักและทำงานออกแรง  ฯลฯ   ผู้ชายเหนือกว่าอย่างแน่นอน    แต่ถ้า “ความแข็งแรง” กินความถึงความแข็งแกร่งของร่างกายที่มาจากความเป็นหญิงข้างในและของสภาพจิตใจแล้ว    ชายมิได้เหนือกว่าหญิง    

(2) หญิงมีความสามารถในการอยู่รอดเชิงชีววิทยาสูงกว่าชายดังเห็นได้จาก 
 (ก) โดยเฉลี่ยทั่วโลกหญิงมีอายุยืนกว่าชายประมาณ    5-6 ปี (สาเหตุอาจมาจากการที่พระเจ้าต้องการให้หญิงมีช่วงเวลาที่สงบก่อนตายบ้าง)  

 (ข) ในจำนวน 43 คนทั่วโลกที่มีอายุเกินกว่า 110 ปีเป็นหญิง 42 คน  

 (ค)  เป็นที่ทราบกันดีในวงการแพทย์ว่าโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงเกิดในผู้ชายก่อนผู้หญิงหลายปี   

(ง) อัตราความก้าวหน้าของหลายโรคสูงกว่าในเพศชาย

(จ) ในการติดเชื้อสารพัดโรค   ผู้หญิงมีภูมิต้านทานโดยเฉลี่ยสูงกว่าชายและเมื่อติดเชื้อร้ายแรง  ผู้หญิงก็มีโอกาสรอดมากกว่าชาย   สามารถตอบรับต่อยาและมีระยะเวลาของการติดเชื้อสั้นกว่า    

 (มีแพทย์อธิบายว่าอาจเนื่องมาจากการที่หญิงมีฮอร์โมน estrogen และprogesterone สูงกว่าจึงช่วยให้มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่า และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ผู้หญิงเป็นโรคประเภท autoimmune สูงกว่าเพราะมีระบบต่อสู้การติดเชื้อที่ดีจนโจมตีเซลล์ของตัวเอง)

เกิดเป็นหญิง แท้จริงไม่ลำบาก | วรากรณ์ สามโกเศศ

 (ฉ) ถึงแม้จะมีหลักฐานว่ามีสัดส่วนผู้หญิงมากกว่าผู้ชายที่ป่วยไข้และเจ็บปวดเป็นประจำ แต่ก็เป็นเพราะผู้หญิงเป็นเพศต่อสู้อยู่รอดได้ดีกว่า ดังนั้นจึงมี “แผลเป็น” จากการอยู่รอดมากกว่าชาย  นอกจากนี้ผู้หญิงมีทางโน้มที่จะเข้ารับบริการแพทย์มากกว่าชาย ฯลฯ

สิ่งที่ทำให้ผู้ชายในยุคปัจจุบัน “อ่อนแอ” กว่าเพศหญิง   ก็เพราะโดยสัญชาตญาณแห่งการแสวงหาความตื่นเต้นอยู่เสมออันเป็นผลจากระดับของฮอร์โมนชายในร่างกาย   ผู้ชายจึงตอบรับสิ่งที่ดึงดูดใจให้ออกนอกเส้นทางมากกว่าหญิง

ในปัจจุบันสามารถเล่นการพนันได้จากห้องนอน ซึ่งเป็นสถานที่แห่งความบันเทิงใจมากกว่าแต่ก่อน เพราะมีสื่อสังคมที่ช่วยให้หาคู่ได้ง่ายขึ้น    

แอลกอฮอร์ก็ถึงมือได้ง่ายกว่าเพราะพลังของการตลาด    มองไปทางไหนก็มีแต่ความสนุกที่ตื่นเต้น    จนสิ่งอื่น ๆ ที่อยู่ในระยะปานกลางเช่นการเรียนหนังสือและพัฒนาตนเองมีความสำคัญลดน้อยลงไป

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ “ชาย” ไม่ทัน “หญิง” ในปัจจุบันก็มาจากสิ่งที่อยู่ในร่างของความเป็นชายนั่นแหละ.