สรุปอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายวันสงกรานต์ 2566 วันที่ 3 เสียชีวิตรวม 114 ราย
7 วันอันตรายสงกรานต์ 2566 วันที่ 3 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 14 เมษายน 2565
สรุปอุบัติเหตุ 7 วันอันตรายช่วงวันสงกรานต์ 2566 วันนี้ (14 เม.ย.2566) เวลา 10.30 น. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2566 เกิดอุบัติเหตุ 437 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 49 ราย ผู้บาดเจ็บ 448 คน
สถิติอุบัติเหตุสะสม 3 วัน (11-13 เมษายน 2566) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,055 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 114 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,064 คน กำชับเพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติงานด่านชุมชน จุดตรวจ และจุดสกัด บนเส้นทางสายรองบริเวณสถานที่จัดงานสงกรานต์ตามประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ เน้นกวดขันเป็นพิเศษในช่วงเวลาเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และการขับขี่ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 13 เมษายน 2566 ซึ่งเป็นวันที่สามของการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” เกิดอุบัติเหตุ 437 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 49 ราย ผู้บาดเจ็บ 448 คน
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
- ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 37.30
- ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 29.29
ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด
รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 79.51 ส่วนใหญ่เกิดบนถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 37.76 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 35.24 บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นทางตรง ร้อยละ 81.69
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 17.01 – 18.00 น. ร้อยละ 9.05 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 16.10
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (19 ครั้ง)
จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (19 คน)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (3 ราย)
เจ้าหน้าที่ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,867 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 54,374 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 351,984 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 53,617 ราย มีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 15,914 ราย ไม่สวมหมวกนิรภัย 15,584 ราย
สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนนสะสม 3 วัน (วันที่ 11 – 13 เมษายน 2566) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,055 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 114 ราย ผู้บาดเจ็บ 1,064 คน
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ (38 ครั้ง)
จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (9 ราย)
จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช (40 คน)
จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 19 จังหวัด
นายบุญธรรม กล่าวต่อว่า หลายพื้นที่ยังคงเล่นน้ำสงกรานต์และมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่สูง ศปถ.จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดปรับมาตรการและวางแผนจัดตั้งจุดตรวจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เน้นดูแลถนนสายรองและเส้นทางโดยรอบพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ โดยเพิ่มความเข้มข้นการปฏิบัติงานด่านชุมชน จุดตรวจ และจุดสกัดบนเส้นทางสายรองบริเวณสถานที่จัดงานสงกรานต์ตามประเพณีและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในพื้นที่ โดยกวดขันเป็นพิเศษในช่วงเวลาเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุสูง เพื่อคุมเข้มพฤติกรรมเสี่ยงดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว และการขับขี่ในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์และรถกระบะบรรทุกเล่นน้ำเป็นพิเศษ ควบคู่กับการดูแลความปลอดภัยของพื้นที่จัดงานสงกรานต์และสถานที่ท่องเที่ยว พร้อมทั้งให้เข้มงวดการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่นำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุและการเล่นน้ำที่ไม่ปลอดภัย
จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าในช่วง 2-3 วันนี้ หลายพื้นที่ของประเทศอาจมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ซึ่งสภาพถนนที่เปียกลื่นและทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดีอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จึงขอฝากเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินทาง และสวมใส่อุปกรณ์นิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่และโดยสารยานพาหนะ เพื่อให้การเดินทางและการเล่นน้ำสงกรานต์เป็นไปด้วยความปลอดภัย
สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุ สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือแจ้งเหตุทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป