'วันอีฎิ้ลฟิตริ' บรรยากาศชาวไทยมุสลิมในยะลา ปัตตานี ร่วมพิธีละหมาดคึกคัก
"วันอีฎิ้ลฟิตริ" บรรยากาศพี่น้องประชาชนชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี ได้เข้าร่วมประกอบพิธีละหมาดเนื่องในวันฮารีรายอปอซอ หรือ วันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1444
(22 เม.ย.2566) "วันอีฎิ้ลฟิตริ" บรรยากาศพี่น้องประชาชนชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ จ.ยะลา และพื้นที่ใกล้เคียงทยอยเข้าร่วมประกอบพิธีละหมาดภายในสนามศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลาเนื่องในวันฮารีรายอปอซอ หรือ วันอีฎิ้ลฟิตริ ประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1444 ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองของพี่น้องชาวมุสลิมทั่วโลกหลังจากได้ร่วมถือศีลอดมาตลอดระยะเวลา 1 เดือนเต็มในเดือนรอมฎอน โดยบรรยากาศมีชาวไทยมุสลิมกว่า 4,000 คนร่วมประกอบพิธีละหมาดอย่างคึกคัก
นอกจากพิธีละหมาด ยังมีกิจกรรมประกอบด้วย การอ่านคุตบะห์ (การบรรยายธรรม) ในเรื่อง “อุคูวะฮ์ การเป็นพี่น้องในอิสลาม คือ แก่นแกนของอุมมะฮ์วาหิดะฮ์” (การเป็นประชาชาติเดียวกัน) โดย ผศ.อับดุลลาตีฟ การี เป็นผู้บรรยาย เพื่อให้ผู้มาร่วมละหมาดแสดงความยินดีและขออภัยต่อกันในสิ่งที่ได้ล่วงละเมิดทั้งโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม การบริจาคทาน รวมทั้งยังมีการแจกจ่ายอาหารให้กับผู้เข้าร่วมพิธีด้วย
การละหมาดวันอีฎิ้ลฟิตริ หรือรายอปอซอ ตรงกับวันที่ 1 เดือนเซาวาล ของเดือนในศาสนาอิสลามโดยถือทางจันทรคติ การละหมาดวันอีดิ้ลฟิตรี ถือเป็นการปฎิบัติศาสนกิจที่มีความสำคัญต่อชาวไทยมุสลิมเป็นอย่างมาก มุสลิมทุกเพศทุกวัยจะต้องไปร่วมกันละหมาดโดยพร้อมเพรียงกันที่มัสยิดใกล้บ้านหรือ สถานที่ที่จัดให้มีพิธีละหมาด
เมื่อเสร็จสิ้นจากพิธีละหมาดเรียบร้อย ก็จะมีการจัดเลี้ยงอาหารกันในครอบครัว เพื่อนฝูง และญาติพี่น้อง จากนั้นก็จะเดินทางไปเยี่ยมญาติพักผ่อน ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆซึ่งถือเป็นวันรวมญาติของพี่น้องชาวไทยมุสลิม ที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ จะเดินทางกลับไปยังภูมิลำเนา เพื่อเฉลิมฉลองวันตรุษอีดิ้ลฟิตรีกับครอบครัวและญาติพี่น้องอีกด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เนื่องจากไม่มีผู้พบเห็นดวงจันทร์ จุฬาราชมนตรี ประกาศแจ้ง ‘วันอีฎิ้ลฟิตริ’
- นายกฯ ส่งความปรารถนาดียังพี่น้องชาวไทยมุสลิม ในวันอีฎิ้ลฟิตริ ฮ.ศ.1444
ขณะที่บรรยากาศใน อ.เมือง จ.ปัตตานี ตั้งแต่รุ่งเช้าพี่น้องมุสลิมได้เดินทางไปเยี่ยมกุโบร์ (สุสาน) หรือหลุมฝังศพของบรรพบุรุษเพื่อระลึกถึงบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว จากนั้นพี่น้องมุสลิมจะไปที่มัสยิดใกล้บ้านเพื่อร่วมกันละหมาดและฟังบรรยายธรรมเนื่องในวันฮารีรายออีฎิ้ลฟิตริ
เช่นเดียวบรรยากาศมัสยิดรายอ ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี มีพี่น้องชาวไทยมุสลิมทั้งชายและหญิงพากันจูงบุตรหลานพากันแต่งชุดรายอ มาร่วมละหมาดกันอย่างคึกคัก และเพื่อขอพรจากพระผู้เป็นเจ้าให้เกิดความสันติสุขแก่ตนเองและครอบครัว และร่วมรับฟังการบรรยายธรรมเรื่องการทำความดี หลังจากนั้นทุกคนจะร่วมสวมกอด ขออภัยซึ่งกันและกันในข้อผิดพลาดท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่น
โดยทุกปี ชาวมุสลิมจะรู้สึกดีใจและมีความสุขที่สุดในวันฮารีรายอเป็นอย่างมาก ต่างร่วมกันแต่งชุดรายอ พี่น้องมุสลิมนิยมซื้อสิ่งของใหม่ๆใส่ และเป็นอีกหนึ่งน่าประทับใจสำหรับผู้ใหญ่ที่บรรดาลูกหลานทำงานต่างจังหวัดเดินทางกลับบ้านเกิดมาขออภัยต่อพ่อแม่ มีการแสดงความรักและความเคารพญาติผู้ใหญ่ด้วยการสวมกอด การจูบมือ การหอมแก้ม ก่อนร่วมรับประทานอาหารพร้อมหน้ากัน
นายสุเบล ชาวบ้านที่มาร่วมละหมาดเปิดเผยว่า ฮารีรายอทุกปีทุกคนรู้สึกดีใจ เพราะทุกคนมีโอกาสสวมกอด สลาม และได้กล่าวขออภัยซึ่งกันและกัน จริงๆการขออภัยกันก็สามารถทำได้ทุกวัน ปีนี้บรรยากาศคึกคักกว่าเพราะปีที่ผ่านมามีมาตรการป้องกันโควิด-19 ต่างๆที่ห้ามทำ เช่น การกอด การสลาม งดละหมาด แต่ปีนี้ยอมรับว่าบรรยากาศเดิมกลับเข้าสู่สภาวะปกติทุกคนต่างก็ดีใจ