แม่ดญ.วัย 12 ปี ร้อง 'บิ๊กโจ๊ก' ลูกสาวถูกปู่-พ่อข่มขืน 5 ปี คดีล่าช้า
คดีลูกสาวถูกปู่-พ่อข่มขืนนานกว่า 5 ปี และถูกลุงข้างบ้าน-อดีตครูเกษียณ ล่วงละเมิดทางเพศ แม่ดญ.วัย 12 ปี ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” หลังแจ้งความแล้วคดีล่าช้า ขณะที่สภาพจิตใจเด็กฉุนเฉียว ส่งตัวรักษา แพทย์ระบุอาการกลไกป้องกันตัวเอง ตร.ยันเอาผิดข้อหาหนัก ยอมไม่ได้คดีเกี่ยวกับเด็ก
ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี “กัน จอมพลัง” หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ พร้อมด้วย นางกิ๊ก (นามสมมติ) อายุ 35 ปี แม่ของ ด.ญ.จูน (นามสมมติ) อายุ 12 ปี ที่ถูกปู่ และ พ่อแท้ๆ ข่มขืนนานกว่า 5ปี หลังเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พรหมบุรี แต่คดีกลับคดีล่าช้า และถูกปู่แท้ๆข่มขู่ ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือทั้งหมด
กัน จอมพลัง เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมายื่นเรื่องร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เนื่องจากก่อนหน้านี้ แม่ของ ด.ญ.จูน ได้พาลูกสาวไปแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวน สภ.พรหมบุรี ว่าถูกปู่ และพ่อแท้ๆ ข่มขืน และลุงข้างบ้านและอดีตครูเกษียณอายุในหมู่บ้านกระทำอนาจาร แต่คดีกลับล่าช้า
ที่ผ่านมามีการดำเนินคดีกับปู่จริง แต่ยังไม่ดำเนินคดีกับพ่อแท้ๆ จนแม่ของด.ญ.จูน รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม แถมปู่ของเด็กยังส่งข้อความมาข่มขู่อีก จึงได้เดินทางขอความช่วยเหลือกับตน วันนี้จึงพาเข้าร้องทุกข์กับ รอง ผบ.ตร. พร้อมเชิญ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้ามาหารือเรื่องการดูแล และเยียวยาผู้เสียหายด้วย
นางกิ๊ก (นามสมมติ) แม่ของด.ญ.จูน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณต้นปี ได้รับแจ้งจากบ้านเด็กฯ จ.สิงห์บุรี ว่าลูกสาวลูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยรับแจ้งจากครูที่โรงเรียน ซึ่งถูกกระทำโดยพ่อ และปู่ แท้ๆ นอกจากนี้ยังถูกลุงข้างบ้าน และอดีตครูเกษียณอายุในหมู่บ้านกระทำอนาจารด้วย หลังเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พรหมบุรี กลับได้รับความล่าช้า มีการดำเนินคดีกับปู่ แต่ไม่ดำเนินคดีกับพ่อเด็ก และคนอื่นที่เกี่ยวข้อง ทำให้รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะสภาพจิตใจของลูกสาวตอนนี้แย่มาก
“ได้พูดคุยกับย่า ก็บอกว่าน้องจูนเคยพูดว่า ถูกพ่อและปู่ข่มขืนมานานกว่า 5 ปี ตั้งแต่น้องจูนอายุ 7 ขวบ แต่ย่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และบอกว่าอยากจะจับให้ได้คาหนังคาเขาด้วยตัวเอง และไม่บอกเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั่งฉันซึ่งเป็นแม่แท้ๆ ก่อนหน้านี้ลูกก็เคยทักมาคุยกับฉันบ้าง และขอมาอยู่ด้วย ได้ถามไปว่ามีเรื่องอะไรหรือไม่ ลูกสาวไม่พูดและหายไป จึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
นางกิ๊กบอกอีกว่า ภายหลังจากที่มีการดำเนินการแจ้งความ ไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับปู่หรือพ่อของเด็กโดยตรง แต่มีการแชทคุยกันบ้าง แต่ปู่มาในลักษณะการข่มขู่ บอกว่ารู้นะว่าใครเป็นคนแจ้ง ปู่หมายถึงครูที่แจ้งบ้านเด็กจ.สิงห์บุรี และยังบอกว่าอีกว่าจะไปฟันหัว ทำให้ตนต้องไปเตือนครูให้ระวังตัว
นางกิ๊กบอกอีกว่า ปู่บอกว่าพ่อเด็กเป็นคนทำ ก็เลยทำบ้าง จะเอาปู่เอาคุกคนเดียวหรือ ส่วนพ่อของเด็กไม่มีการพูดคุยกันเลย ทั้งพ่อ และปู่ รวมไปถึงลุงข้างบ้าน มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เรื่องที่เกิดขึ้น ตั้งข้อสงสัยว่า การที่ให้ลุงข้างบ้าน และอดีตครู มากระทำอนาจาร ลูกสาวอาจจะเป็นเรื่องของการเอาตัวหลานไปแลกยาเสพติดหรือไม่ เพราะลุงข้างบ้านมีพฤติกรรมผสม และผลิตยาเสพติดขึ้นมาใช้เอง และเท่าที่คุยกับลูกสาว บอกว่ามีการนำยาเสพให้ลูกเสพด้วย และพ่อเด็กเคยมีประวัติพรากผู้เยาว์ แฟนสาววัย 15ปี ด้วย แต่จบด้วยการจ่ายค่าสินไหม
“ตอนนี้ลูกสาวสภาพจิตแย่มาก มีอาการฉุนเฉียว พาไปพบแพทย์อยู่ระหว่างการประเมินการรักษา ซึ่งแพทย์บอกว่า อาการน้องจูนเรียกว่ากลไกลป้องกันตนเอง เมื่อสอบถามคำถามหนักๆ อย่างเช่น เขากระทำอะไร หรือทำอย่างไร น้องจูนจะเบี่ยงเบน และอ้างว่าไม่รู้อย่างเดียว ทำให้เป็นอุปสรรคต่องการสอบปากคำและการรักษา”
นางกิ๊ก เล่าย้อนประวัติอีกว่า ตนกับพ่อของน้องจูนคบหากันตั้งแต่ปี 2551 หลังมีน้องจูนได้1ปี ได้มีลูกคนที่สอง ก่อนที่เลิกรากันไปตั้งแต่ปี 2555 ตอนอายุน้องจูนเพียง 1 ขวบ โดยมีการลงบันทึกประจำวัน ให้ตนเป็นคนดูแลและส่งเสียงลูกเอง จากนั้นให้น้องจูนอยู่กับย่า ต่อมาตนแต่งงานมีสามีใหม่ มีลูกด้วยกันอีก 1 คน ด้วยฐานะทางบ้าน และการงาน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำเด็กทั้ง 2 คน ไปอยู่ที่บ้านย่ากับน้องจูน
นางกิ๊ก บอกอีกว่า ต่อมารู้ว่าย่ามีพฤติกรรมทำร้ายร่างกายเด็กทั้ง2 คนจึงไปรับลูกมาเลี้ยงเอง ส่วนน้องจูน ย่าไม่ยอมให้มาอยู่กับตน เพราะบอกว่าเป็นหลาน ทำให้น้องจูนต้องอยู่ที่บ้านย่า จนเกิดเรื่องขึ้น จึงได้รับลูกสาวกลับมาอยู่ด้วย
"ฉันอยากจะฝากถึงปู่ว่า ให้เลิกทำตัวเลิกกร่าง เลิกพาดพิง เลิกว่าใคร รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่กระทำมันผิดหรือถูก กรรมอาจจะรอนานมาก แต่วันนี้มันต้องจบ ส่วนพ่อของเด็ก อยากบอกว่า ใช้ชีวิตหรู ใช้ชีวิตดี บอกรักลูก แต่ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง จงยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองกระทำ"
นอกจากนี้ นางกิ๊ก ได้เปิดเผยแชทที่มีการพูดคุยกับย่า มีเนื้อหาใจความ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง และไลน์คุยกับปู่ ที่พยายามข่มขู่ นอกจากนี้ยังมีภาพหลังจากเกิดเหตุแล้ว ปู่ได้รูปภาพที่นั่งกอดหลานไปโพสต์ในเฟซบุ๊ก เนื้อหาประมาณว่า “เป็นห่วงเป็นใย” ทำให้ตนซึ่งเป็นแม่ทำให้รับไม่ได้กับสิ่งที่ปู่ทำ
ขณะที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว เป็นเรื่องเกิดขึ้นกับเด็กจะดำเนินคดีข้อหาหนักทั้งหมด ซึ่งจะต้องบอกคดีแบบนี้มีเยอะมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากสังคม และสภาพแวดล้อม ตำรวจเป็นเพียงปลายเหตุ อยากให้ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น พม. หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ที่ใกล้ชิด ช่วยกันสอดส่อง ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก
"การบังคับใช้กฎหมาย พ่อแท้ๆ ปู่ ญาติ อนาจาร จะต้องมีการพูดรายละเอียดอีกที สังคมไม่ได้มีแค่หน่วยเดียว พัฒนาสังคมจังหวัด ตรวจตรา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ความเสียหายมันเกิดไปแล้ว หน่วยงานอื่นๆ ต้องเข้ามาช่วยกันดูแลว่าชุมชนหมู่บ้าน มีแบบนี้หรือไม่ เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น คดีที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ผมดำเนินคดีบทหนักทุกราย"