เบโด้ รุกส่งเสริม 'เศรษฐกิจชุมชน' ด้วย'การท่องเที่ยวชีวภาพ'
สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) หรือ BEDO (เบโด้) เดินหน้าพัฒนาเศรษฐกิจจากความหลากหลายทางชีวภาพ ภายใต้แนวคิด BEDO – BCG ส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนด้วยการท่องเที่ยวชีวภาพ 'พร้อมเปิดตัว 'ตลาดปันรักษ์' แห่งที่ 4 ที่ชุมชนเกาะกลาง จ.กระบี่
นางสุวรรณา เตียรถ์สุวรรณ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ หรือ เบโด้ (BEDO) สังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกล่าวถึงภารกิจขององค์กรว่า เบโด้ มีภารกิจสนับสนุนส่งเสริมให้ชุมชนนำทรัพยากรชีวภาพที่มีอยู่ในท้องถิ่นมาพัฒนาให้เกิด คุณค่าและประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับ การอนุรักษ์เพื่อให้ทรัพยากรชีวภาพคงอยู่ และสามารถใช้ประโยชน์ได้ในรุ่นลูกหลานต่อไป
โดยการพัฒนาเศรษฐกิจ และสร้างรายได้ให้ชุมชนที่เชื่อมโยงกับความคงอยู่ของทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนชุมชนสู่โมเดลเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า BEDO-BCG อันเป็นกิจกรรมที่เครือข่ายชุมชนเบโด้ ครอบคลุมทั้ง เศรษฐกิจชีวภาพ (B) เศรษฐกิจหมุนเวียน (C) และเศรษฐกิจสีเขียว (G) เนื่องจากทุกกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เบโด้ ได้เข้าสำรวจและส่งเสริมด้านการพัฒนาสินค้าจากความหลากหลายของทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่นั้นๆ เพื่อสร้างเศรษฐกิจและสร้างความยั่งยืนให้ผู้คนในชุมชน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ง่ายๆ 'สมุนไพรประจำบ้าน' ปลูกไว้กินเอง ดูแลสุขภาพ ป้องกันโรค
เริ่มแล้ว!'มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 20 @ เมืองทองธานี
'ห้องแล็บ'ตัวช่วยหลักโรงงานผลิตยาไทย แข่งขันสู่ยานอก
รวมให้แล้ว ไฮไลท์ 'มหกรรมสมุนไพรแห่งชาติครั้งที่ 20' ปีนี้มีอะไรต๊าซบ้าง?
'เบโด้' ส่งเสริมชุมชนนำทรัพยากรชีวภาพ
นางสุวรรณา กล่าวต่อไปว่า เบโด้ มี 2 แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจให้กับชุมชน คือ หากเป็นชุมชนที่มีผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ได้มาตรฐาน เก็บไว้ได้นาน สามารถนำไปจำหน่ายยังที่ไกลๆ ได้ก็จะใช้ช่องทางการทำตลาดทางตรง เช่น การรับฝากขายที่ร้านฟ้าใสแกลลอรี่ที่ศูนย์ราชการฯ ที่กรุงเทพฯ การให้ชุมชนออกบูธจำหน่ายสินค้า การจับคู่ธุรกิจกับช่องทางการตลาดหลัก เช่น ตลาดมินิ อตก. ไทยแลนด์โพสต์มาร์ท ขณะเดียวกัน ก็อบรมให้ชุมชนทำตลาดแบบออนไลน์ ฯลฯ
ส่วนชุมชนที่ไม่สามารถนำออกไปจำหน่ายนอกชุมชนได้ 'เบโด้' ก็จะสร้างการรับรู้ให้คนภายนอกเข้ามาเยี่ยมชม เพื่อทำให้เศรษฐกิจชุมชนเกิดการหมุนเวียน ซึ่ง เบโด้ เรียกการตลาดแบบนี้ว่า ท่องเที่ยวชีวภาพ ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว และด้วยบริบทของพื้นที่ เบโด้ จึงได้นำเครื่องมือการตลาดในนามของตลาดปันรักษ์มาต่อยอดสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างต่อเนื่อง และคาดหวังว่าความร่วมมือด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรของชุมชนจะเข้มแข็ง เมื่อสิ่งแวดล้อมดี คุณภาพชีวิตคนก็ดีส่งผลให้เกิดสังคมที่เกื้อกูลสัมพันธ์กัน ดังคำที่ว่า 'เศรษฐกิจดี สิ่งแวดล้อมดี สังคมก็ดี'
ตลาดปันรักษ์ - วิสาหกิจชุมชน
สำหรับการเปิดตัว 'ตลาดปันรักษ์ สักหอย ปล่อยปู ดูนกแล เขเรือ แลหวันตก มาตะคลองประสงค์ ครั้งที่ 2' ที่บ้านคลองกำ คลองประสงค์ จ.กระบี่ และนับเป็น ตลาดปันรักษ์ แห่งที่ 4 ที่ เบโด้ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ และได้เปิดพื้นที่ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ให้คนในชุมชนได้นำสินค้า วัตถุดิบเพื่อการทำอาหาร และอาหารพื้นถิ่นเข้ามาจำหน่ายให้กับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาสัมผัสวิถีชุมชนบ้านเกาะกลาง คลองประสงค์ จังหวัดกระบี่
ขณะที่ นายศุภสิทธ์ จำปาวงษ์ ผู้อำนวยการสำนักเศรษฐกิจชีวภาพ สำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากทรัพยากรชีวภาพ หรือ เบโด้ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงตลาดปันรักษ์แห่งนี้ว่า เนื่องจากชุมชนตำบลคลองประสงค์ มีลักษณะเป็นเกาะใกล้เมือง การทำตลาดชุมชนในกิจกรรมท่องเที่ยวชีวภาพที่นำผลผลิต ผลิตภัณฑ์ อาหารพื้นบ้าน มาจำหน่าย เพื่อสร้างรายได้ และจะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชนได้เป็นอย่างดี เบโด้ จึงได้ส่งเสริมให้เกิดตลาดชุมชน ตามแนวคิด ตลาดปันรักษ์ให้สมาชิกในชุมชนมีสถานที่ค้าขาย สร้างการเรียนรู้/สร้างรายได้ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากให้กระจาย ต่อเนื่อง และยั่งยืน
พร้อมทั้งสนับสนุนให้ชุมชน 'ลด ละ เลิก' การใช้โฟม พลาสติก โดยเฉพาะพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว เพื่อช่วยลดขยะที่สร้างภาวะโลกร้อน ทั้งนี้ ตลาดปันรักษ์นี้เป็นแห่งที่ 4 และเป็นแห่งที่ 2 ของปีนี้ โดยเบโด้ ได้รับงบสนับสนุนเพื่อทำโครงสร้างตลาด สื่อประชาสัมพันธ์ และการจัดกิจกรรม
นางสุวรรณา ยังกล่าวถึงการท่องเที่ยวชีวภาพอื่นๆ ว่า นักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมเยือนชุมชนตำบลคลองประสงค์ และตลาดปันรักษ์ บ้านคลองกำ ยังจะสามารถเยี่ยมชมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอื่นๆ ซึ่งเปิดเป็นศูนย์การเรียนรู้ให้แก่ผู้สนใจด้วย อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อม ซึ่งมัดย้อมด้วยสีธรรมชาติที่มีอยู่ในชุมชน เช่น เปลือกไม้แสม เปลือกไม้โกงกาง ใบหูกวาง ใบสาบเสือ ฯลฯ กลุ่มผลิตภัณฑ์ผ้าปาเต๊ะบ้านคลองประสงค์ และศูนย์เลี้ยงชันโรงบ้านคลองประสงค์ ฯลฯ
ธนาคารความหลากหลายทางชีวภาพ (Community BioBank)
ขณะเดียวกัน 'เบโด้' ยังได้ดําเนินงานด้าน 'ธนาคารความหลากหลายทางชีวภาพระดับชุมชน' (Community BioBank) เพื่อเก็บรวบรวมและจดบันทึกการเติบโตของต้นกาแฟโรบัสต้า ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยม ด้วยสัดส่วนประมาณ 20% รอง จากสายพันธุ์อราบิก้า โดยพื้นที่ที่เหมาะกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์นี้ต้องเป็นพื้นที่ที่มีอากาศชุ่มชื้น เช่น ชุมพร ระนอง กระบี่ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช
สําหรับจ.กระบี่มีพื้นที่ปลูกอยู่ 3 อําเภอ คือ ลําทับ, คลองท่อม และปลายพระยา เฉพาะในชุมชนลําทับมีไร่กาแฟประมาณ 100 ไร่ ไร่ละ 200 ต้น โดยที่การปลูกกาแฟส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นสวนผสม โดยมีต้นกาแฟเป็นหลักและปลูกผลไม้แซม อาทิ กล้วย ลองกอง มังคุด ทุเรียน ส่วนหนึ่งเพื่อเก็บไว้กินในครัวเรือน และสามารถนำผลผลิตส่วนเกินนั้นมาขายสร้างรายได้ให้กับวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากราคาของกาแฟขี้ชะมดสูงถึง 2 หมื่นบาท/กก. ราคาขายต่อช็อตอยู่ที่ 300 บาท ทำให้เกิดเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ดีให้แก่คนในชุมชน
ทั้งนี้ BEDO ให้การส่งเสริม และสร้างความเข้มแข็งภายในชุมชนที่มีความสามารถพึ่งพาตนเองได้ ควบคู่กับการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรชีวภาพอย่างยั่งยืน
กาแฟขี้ชะมด Chamone
นอกจากนี้ 'เบโด้' ยังนำเสนอ 'กาแฟขี้ชะมด'ว่าเป็นพืชที่สร้างเศรษฐกิจชีวภาพให้คนในพื้นที่อีกด้วย โดยมี นาย พิศิษฏ์ เป็ดทอง ประธานวิสาหกิจชุมชนศูนย์เรียนรู้ของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บ้านดินแดง ต.ดินแดง อ.ลําทับ จ.กระบี่ และเป็นผู้บุกเบิกการผลิตกาแฟขี้ชะมดแบรนด์ Chamone จนเป็นที่รู้จัก ทำหน้าที่เป็นวิทยากรแบ่งปันความรู้ด้านการเพาะเลี้ยงเมล็ดกาแฟว่าใช้วิธีเพาะเมล็ดจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตให้กับผู้เยี่ยมชมศูนย์เรียนรู้แห่งนี้
นาย พิศิษฏ์ กล่าวว่าในรอบปีกาแฟจะออกดอก เริ่มติดลูกเมล็ดกาแฟในช่วงมกราคม-กุมภาพันธ์ และสามารถเก็บเกี่ยวได้ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม คอกาแฟต้องลองสัมผัสกับ 'กาแฟขี้ชะมด' เป็นกาแฟขึ้นชื่อเรื่องความอร่อย มีความหอมละมุน นุ่มลิ้น คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของกาแฟขี้ชะมดที่คนรักกาแฟไม่ควรพลาด อย่างไรก็ตาม จากการที่วิสาหกิจชุมชนแห่งนี้เพิ่งปลูกกาแฟเป็นปีที่ 3 ดังนั้น ปีหน้าผลผลิตของกาแฟจะให้ผลลัพธ์อย่างเต็มที่ในปีที่ 4 เป็นต้นไป