เจ๋ง! บริการเครื่องชี้แหล่งผลิตของแท้ ส่องสารเติมแต่งในอาหาร-เครื่องดื่ม
วว. เปิดบริการเครื่องไอโซโทปเรโซแมสสเปคโตรเมตรี บ่งชี้แหล่งผลิตความเป็นของแท้ ส่องสารเติมแต่ง ปลอมปนในผลิตภัณฑ์อาหาร-เครื่องดื่ม ย้ำสามารถเข้าชมห้องปฏิบัติการได้ทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน
ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) กล่าวว่า เครื่องไอโซโทปเรโซแมสสเปคโตรเมตรีชนิด IRMS เป็นเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของอัตราส่วนของไอโซโทปที่เสถียรของธาตุต่างๆ ในตัวอย่าง ใช้สำหรับการหาความแตกต่างของอัตราส่วนไอโซโทป ที่แตกต่างกันของจำนวนนิวตรอนในนิวเคลียส
โดยเทคนิคนี้สามารถให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแหล่งที่มา แหล่งผลิต แหล่งของวัตถุดิบ อายุของตัวอย่าง โดยมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในด้านชีววิทยา ธรณีวิทยา นิติวิทยาศาสตร์ งานอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อบ่งชี้แหล่งผลิตความเป็นของแท้ (Authenticity)
และการตรวจจับการปลอมปน (Adulteration) เช่น การใช้ 13C values ในการตรวจจับการปลอมปนน้ำตาลในน้ำผลไม้ 100% โดยอาศัยหลักการเรื่องการสังเคราะห์แสงของพืช C3 และ C4 หรือ CAM เป็นต้น
ด้าน ดร.วดี วิชัยดิษฐ์ ผู้อำนวยการศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา วว. กล่าวว่า ไอโซโทปเรโชแมสสเปคโตรเมตรีเป็นเทคนิคที่ใช้ในการวิเคราะห์หาอัตราส่วนไอโซโทป (Isotope ratio) ของธาตุต่างๆในตัวอย่าง ทั้งคาร์บอน-13C/12C, ไนโตรเจน-15N/14N, ไฮโดรเจน-2H or D/1H, ออกซิเจน-18O/16O และกำมะถัน-34S/32S
การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและชีวภาพของตัวอย่างในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ส่งผลให้ตัวอย่างชนิดเดียวกันหรือสารตัวเดียวกันมีอัตราส่วนไอโซโทปของธาตุต่างๆ แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
เปรียบเสมือนลายนิ้วมือ (Isotopic fingerprints) ที่มีความเฉพาะเจาะจง ทำให้การวิเคราะห์อัตราส่วนไอโซโทปของธาตุถูกนำไปใช้ในงานด้านต่างๆ อย่างแพร่หลาย อาทิ งานด้านนิติวิทยาศาสตร์ งานด้านความมั่นคง วิทยาศาสตร์การแพทย์ เภสัชวิทยา พฤษศาสตร์ ปิโตรเคมี สิ่งแวดล้อม อาหารและเครื่องดื่ม
โดยการตรวจสอบเพื่อบ่งชี้ความเป็นของแท้ของผลิตภัณฑ์และการตรวจสอบการปลอมปน (Authenticity and Adulteration) นอกจากเป็นการควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์แล้ว ยังสามารถใช้เป็นการบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ในการสร้างอัตลักษณ์ของสินค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับสินค้า
ปัญหาการปลอมปนในปัจจุบันพบทั้งการเติมสารเติมแต่งและน้ำในผลิตภัณฑ์ เช่น การเติมสารให้ความหวานในน้ำผลไม้ 100% การเติมน้ำตาลอ้อยในน้ำผึ้ง การเติมสารให้ความหวานและน้ำในไวน์ รวมถึงการระบุแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง (mislabeling) เช่น การระบุแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟ หรือการระบุชนิดของน้ำตาลระหว่าง cane sugar กับ beet sugar เป็นต้น
ขณะที่ นางสุภาพร จิรไกรโกศล ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการชีวเคมีและจุลชีววิทยา วว. กล่าวว่า การวิเคราะห์อัตราส่วนไอโซโทปของธาตุต่างๆ ในตัวอย่างด้วยเครื่องไอโซโทปเรโชแมสสเปคโตรเมตรี (IRMS) จะเริ่มจากการเปลี่ยนธาตุต่างๆ ได้แก่
- ธาตุไฮโดรเจนให้กลายเป็นแก๊สไฮโดรเจน
- ธาตุคาร์บอนให้กลายเป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
- ธาตุออกซิเจนให้กลายเป็นแก๊สคาร์บอนมอนออกไซด์
- ธาตุไนโตรเจนให้กลายเป็นแก๊สไนโตรเจน
- ธาตุซัลเฟอร์ให้กลายเป็นแก๊สซัลเฟอร์ไดออกไซด์
การเปลี่ยนรูปสารประกอบต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นจะทำการวิเคราะห์หาอัตราส่วนไอโซโทปของธาตุต่างๆ ในตัวอย่าง โดยการวิเคราะห์ด้วยเทคนิคนี้อาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ
การวิเคราะห์องค์ประกอบทั้งหมดในตัวอย่างรวมกัน (bulk analysis) โดยทั้งตัวอย่างที่เป็นของแข็งหรือของเหลวจะเปลี่ยนเป็นแก๊สต่างๆ ด้วยความร้อนสูง
ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ คือ Combustion กับ Pyrolysis และแบบแยกแต่ละองค์ประกอบที่มีในตัวอย่าง (Specific compound analysis)
โดยเริ่มต้นจากการแยกสารประกอบในตัวอย่างออกจากกันด้วยเทคนิคโครมาโทรกราฟที่เหมาะสม ก่อนนำเข้าสู่เครื่อง IRMS ผลการวัดที่ได้จะรายงานในรูปของความแตกต่างระหว่างอัตราส่วนไอโซโทปเสถียรของตัวอย่างเทียบกับอัตราส่วนไอโซโทปเสถียรของสารอ้างอิงมาตรฐาน โดยแสดงในรูปสัญลักษณ์ delta และหน่วยเป็น ‰ อ่านว่า per mil หรือ pasts per thousand
วิธีมาตรฐานการทดสอบอัตราส่วนไอโซโทปของธาตุในงานอาหารและเครื่องดื่ม เป็นวิธีที่องค์กรระดับประเทศและนานาชาติเลือกนำมาใช้ เช่น AIJN, EU, IFU, Codex เป็นต้น ตัวอย่างการนำเครื่องไอโซโทปเรโชแมสสเปคโตรเมตรีไปใช้ ดังนี้
1.) การตรวจสอบแหล่งที่มาของอาหารด้วยการวิเคราะห์อัตราส่วนไอโซโทปของธาตุไฮโดรเจนและออกซิเจน การเจริญเติบโตของพืชในแต่ละแหล่งเพาะปลูก สภาพแวดล้อมแหล่งน้ำและพื้นดิน ส่งผลให้พืชมีองค์ประกอบของสารเคมีที่มีความเฉพาะตัว
ดังนั้นการวิเคราะห์หาอัตราส่วนไอโซโทปของธาตุไฮโดรเจนและออกซิเจน จึงสามารถนำมาใช้ยืนยันแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์ได้ เช่น การหาแหล่งที่มาของเมล็ดกาแฟ เป็นต้น
2.) การตรวจสอบการปลอมปนของผลิตภัณฑ์ด้วยการวิเคราะห์อัตราส่วนไอโซโทปของธาตุคาร์บอน พืช C3 และพืช C4 มีวิธีการตรึงคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อมาสร้างเป็นอาหารแตกต่างกัน ส่งผลให้อัตราส่วนไอโซโทปของธาตุคาร์บอน-13 ต่อ คาร์บอน-12 แตกต่างกัน
โดยพืช C3 มีค่าอยู่ในช่วง -33 ‰ to -22 ‰ และพืช C4 มีค่าอยู่ในช่วง -16 ‰ to -8 ‰ และจากความแตกต่างนี้ ทำให้สามารถใช้อัตราส่วนไอโซโทปของธาตุคาร์บอน ตรวจสอบการปลอมปนที่ส่วนใหญ่เกิดจากการเติมสารให้ความหวานกลุ่มพืช C4 ลงในผลิตภัณฑ์ เช่น การเติม corn syrup ในน้ำมะพร้าว 100% หรือการเติมน้ำตาลอ้อยในน้ำผึ้ง เป็นต้น
3.) การตรวจสอบและยืนยันการเพาะปลูกแบบออร์แกนิค โดยอาศัยความแตกต่างของอัตราส่วนไอโซโทปของธาตุไนโตรเจนของปุ๋ยอินทรีย์กับปุ๋ยเคมี ในการยืนยันการเพาะปลูกแบบออร์แกนิคที่ห้ามใช้ปุ๋ยเคมี โดยปุ๋ยอินทรีย์ (organic fertilizers) จะมีค่า 𝛿𝑁 15 อยู่ในช่วง +8‰ ถึง +20‰ และปุ๋ยเคมี (synthetic fertilizers) อยู่ในช่วง +3‰ ถึง +6‰
ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา วว. มีภารกิจในการเป็นหน่วยร่วมขับเคลื่อนส่งเสริมสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง ดังนี้
1.) บริการทดสอบ /วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและวัตถุดิบ เพื่อการผลิตในระบบคุณภาพตามมาตรฐาน การขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์
2.) บริการทดสอบ /วิเคราะห์อาหารและผลิตภัณฑ์อาหาร ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เพื่อขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหารและยา
3.) บริการสอบเทียบมาตรฐาน เครื่องมือวัดทางมาตรวิทยาอุตสาหกรรม เครื่องทดสอบ ทั้งภายในและภายนอกสถานที่
4.) บริการตรวจสอบการทำผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม หมวดสาขาบริภัณฑ์ส่องสว่าง ไฟฟ้ากำลัง เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์
5.) บริการฝึกอบรมและบริการที่ปรึกษาในการวิเคราะห์/ทดสอบ สอบเทียบ และการจัดทำระบบคุณภาพตามมาตรฐาน ISO/IEC 17025
6.) บริการเป็นหน่วยงานผู้จัดโปรแกรมทดสอบความชำนาญตามระบบมาตรฐาน ISO/IEC 17043
7.) เปิดเข้าเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการทุกวันพุธที่ 3 ของเดือน
- บริการรับ-ส่ง เครื่องมือที่มีปริมาณมาก
สอบถามรายละเอียดและติดต่อรับบริการจาก ศูนย์ทดสอบและมาตรวิทยา วว. ได้ที่ โทรศัพท์ 0 2323 1672-80 โทรสาร 0 2323 9165 E-mail : [email protected] (ณิชกุล) E-mail : [email protected] (กิตติ) หรีอที่ “วว. JUMP”